‘ซิตี้แบงก์’หั่นจีดีพีไทย ปีนี้ติดลบ6.8%พิษโควิด

‘ซิตี้แบงก์’หั่นจีดีพีไทย ปีนี้ติดลบ6.8%พิษโควิด

“ซิตี้แบงก์” หั่น “จีดีพี” ไทยปีนี้ติดลบเพิ่มเป็น 6.8% หวั่นเปิดประเทศล่าช้ายิ่งกระทบเศรษฐกิจทรุดหนัก เหตุ “ไทย” เป็นประเทศพึ่งพา “ส่งออก-ท่องเที่ยว” คาดปีหน้ากลับมาโต 3.5% พร้อมประเมิน “หุ้นไทย” ยังแพง โดยเทียบ พี/อี ปัจจุบันสูงถึง 18 เท่า คาดสิ้นปี

นายบุญนิเศรษฐ์ ธัญวรอนันต์ ที่ปรึกษาทางการลงทุน ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า นักวิเคราะห์ซิตี้ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทย ในปี 2563 เป็น “หดตัว” 6.8% จากเดิมประเมินว่าจะหดตัว 3.5% เนื่องจากยังมีความเสี่ยง โดยเฉพาะถ้าการเปิดประเทศและการคลายล็อกดาวน์เป็นไปอย่างล่าช้า จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ช้ามากขึ้น เพราะไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นหลัก

ดังนั้นคาดว่าหลังจากนี้จะยังคงมีนโยบายภาครัฐเพิ่มเติมมาสนับสนุนการใช้จ่ายในประเทศ และยังคงดอกเบี้ยนโยบายต่ำที่ 0.5% ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2565 ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 31.0-31.30 บาทต่อดอลลาร์ จากแนวโน้มดอลลาร์อ่อนค่าระยะกลางถึงยาว

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจโลก คาดว่าปีนี้จะหดตัว 3.5% ก่อนฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเป็น 5.5% ในปีหน้า ขณะที่เงินเฟ้อปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.8% และเพิ่มเป็น 2.4% ในปี 2564 จากปัจจัยความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก เช่น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมทั้งความไม่แน่นอนด้านภูมิศาสตร์การเมืองที่ยังตึงเครียด รวมไปถึงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ผันผวนตลอดปีที่ผ่านมา

สำหรับการลงทุนในไทย นักวิเคราะห์ซิตี้ คาดว่า กำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)จะปรับตัวลงค่อนข้างมาก ส่งผลให้อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี) หุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันพี/อีอยู่ที่ 18 เท่า ถือว่ายังสูงกว่าค่าเฉลี่ยพี/อีทั่วโลกในระยะยาวที่ 17 เท่า และพี/อี ค่าเฉลี่ยในเอเชียที่ 16.3 เท่า 

ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,250-1,300 จุด และที่ 1,400 จุดในปี 2564 ดังนั้นยังเป็นจุดที่ต้องกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น

นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารได้วางกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าระดับบนและการพัฒนาการให้บริการด้านการบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจรสำหรับกลุ่มลูกค้าดังกล่าวผ่านกลยุทธ์ต่าง ๆ ตั้งเป้าหมายขยายฐานลูกค้าซิตี้โกลด์และยอดเงินมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (AUM) เติบโต 15% ในปีนี้

ล่าสุด ธนาคารได้ ร่วมกับพาร์ทเนอร์ UBS และ JP Morgan นำเสนอกองทุนรวมชั้นนำของโลกเพื่อเพิ่มทางเลือกการกระจายความหลากหลายการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถกระจายการลงทุนได้ในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้แก่ กองทุน UBS China A Opportunity fund, UBS China Opportunity fund, JP Morgan China Pioneer fund, JP Morgan US Technology fund

ปัจจุบันธนาคารเป็นผู้จัดจำหน่ายกองทุนรวม ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทั่วโลกรวม 18 บลจ. แบ่งเป็นบลจ. ในไทย 5 แห่งและบลจ. ต่างประเทศ 13 แห่ง มีจำนวนกองทุนรวมที่นำเสนอกว่า 200 กองทุน