'พาณิชย์' ขู่คุมราคาหมู ดึงผู้เลี้ยงลดราคา

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน  เปิดเผยว่า เตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) พิจารณาออกมาตรการกำหนดเพดานขายสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มไม่เกิน 80 บาทต่อกก. และเนื้อแดงไม่เกิน 150 บาทต่อกก. หากสถานการณ์ราคาสุกรเป็นหน้าฟาร์มยังปรับสูงเกิน 80 บาทต่อกก. และราคาหน้าเขียง หมูเนื้อแดงเกิน 150 บาทต่อกก. และเนื้อสันเกิน 160 บาทต่อกก.หลังจากเจ้าหน้าที่รายงานว่าบางตลาดมีการจำหน่ายในราคาสูงมาก เช่น ตลาดพรานนก ราคา 170 บาทต่อกก.,ตลาดรามอินทรา กม.2ราคา170 บาทต่อกก. และตลาดดาวคะนอง ราคา 170-175 บาทต่อกก.ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายแล้ว

                        ที่ผ่านมาได้หารือกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และห้างค้าปลีกรายใหญ่ เพื่อพิจารณามาตรการดูแลราคาเนื้อสุกร โดยได้มีข้อตกลงกับสมาคมฯ ให้สมาชิกจำหน่ายสุกรมีชีวิตหรือหน้าฟาร์มในราคา 80 บาทต่อกก. เพื่อให้ราคาหน้าเขียง หมูเนื้อแดงไม่เกิน 150 บาทต่อกก. และเนื้อสันไม่เกิน 160 บาทต่อกก.นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบการจำหน่ายเนื้อหมูตามตลาดต่างๆ แม้ว่าส่วนใหญ่ราคาจำหน่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 150-160 บาท แต่ก็มีบางตลาดที่ราคาสูงตั้งแต่ราคา170-175 บาทต่อกก. ”

        "มาตรการต่าง ๆทางสมาคมฯเป็นผู้เสนอเองและพร้อมให้กรมดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆหากราคาหมูไม่ปรับลง ซึ่งต้นทุนการเลี้ยงหมูไม่เกิน 70 บาทต่อกก.ดังนั้นการจำหน่ายหมูหน้าฟาร์มกก.ละ80บาท ก็ถือว่าได้กำไร” นายวิชัย กล่าวว่า

 

       ทั้งนี้มาตรการที่จะนำมาใช้หากสถานการณ์ราคาหมูไม่คลี่คลายก็จะมีตั้งแต่มาตรการเบาไปหาหนัก คือหากขอความร่วมมือแล้วไม่สามารถคุมราคาได้ก็จะใช้วิธีการออกเป็นมาตรการกำหนดเพดานห้ามจำหน่ายหมูเป็นหน้าฟาร์มไม่เกิน 80 บาทต่อกก,หมูเนื้อแดง 150 บาทต่อกก. และเนื้อสัน 160 บาทต่อกก. หากไม่ได้ผลก็จะมีมาตรการดูแลการส่งออกหมู ซึ่งระยะแรกจะจำกัดการส่งออกไม่ให้เกินวันละ 5,000 ตัว จากปัจจุบันที่ส่งออกวันละ 10,000 ตัว แต่หากไม่คลี่คลายก็จะใช้มาตรการรุนแรงสุด คือ การระงับการส่งออกชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

 

ในด้านการดูแลผู้บริโภค กรมฯ ได้ร่วมมือกับผู้ผลิต นำสุกรชำแหละกระจายผ่านห้างค้าปลีกสมัยใหม่ และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ โดยจะจำหน่ายหมูเนื้อแดง กก.ละ 130 บาท เริ่มที่ห้างแม็คโคร วันที่ 22 ก.ค.63 ทั่วประเทศ เพื่อช่วยผู้บริโภคให้สามารถซื้อหมูราคาถูก ส่วนที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด กำลังอยู่ระหว่างการประสานงาน และจะมีจำหน่ายในระยะต่อไป

สำหรับสาเหตุที่ทำให้มีความต้องการหมูเพิ่มขึ้น มาจากการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริการะบาด ทำให้ผลผลิตหมูในจีน เวียดนาม กัมพูชา และสปป.ลาว เสียหาย จึงมีความต้องการนำเข้าเพิ่มขึ้น และมีการสั่งซื้อจากไทยเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดส่งออกเพิ่มจากวันละ 5,000-6,000 ตัวเป็น 10,000 ตัว และยังมีความต้องการบริโภคจากการคลายล็อกดาวน์ และเปิดเทอม

 

        “สถานการณ์ราคาสุกรที่ปรับสูงขึ้นนั้นมีปัจจัยสาเหตุจากปริมาณสุกรที่ผลิตได้ในปี63มีจำนวนลดลงจากปีก่อน รวมถึงต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นในส่วนของการปรับปรุงระบบฟาร์มเพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (เอเอฟเอส)ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรไทยมีความพร้อม และ มีศักยภาพในการรับมือปัญหาดังกล่าว ทำให้ตอนนี้ไทยยังสามารถยืนหยัดต้านโรคเอเอฟเอสได้ซึ่งสวนทางเพื่อนบ้านบางประเทศที่ประสบปัญหาดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงปลายปี62จนถึงปัจจุบัน สถานการณ์ปัญหายังไม่คลี่คลายลง”

 

        กรมการค้าภายในขอให้ประชาชนผู้บริโภค คลายข้อกังวลเรื่องราคาเนื้อหมู เพราะหลังจากที่หารือกับทุกภาคส่วนแล้วก็ได้รับการยืนยันจากทุกภาคส่วนว่าพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการดูแลด้านค่าครองชีพให้แก่ประชาชนอย่างเต็มที่