หุ้นแบงก์พลิกบวกยกแผง สวนทางกำไรไตรมาส 2/63 ต่ำกว่าคาด

หุ้นแบงก์พลิกบวกยกแผง สวนทางกำไรไตรมาส 2/63 ต่ำกว่าคาด

หุ้นกลุ่มธนาคารเช้านี้ พลิกกลับมาบวกจากวันก่อนหน้า นำโดย SCB ฟื้นตัวกว่า 3% สวนทางผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ของ 6 แบงก์ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด โบรกประเมินราคาหุ้นลงมาตอบรับก่อนหน้านี้ แต่ไตรมาส 3/2563 ยังเสี่ยง NPL พุ่ง

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BANK) เช้านี้ (21 ก.ค.) ส่วนมากปรับตัวขึ้นจากวันทำการก่อนหน้า ช่วยหนุนให้ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นได้เกือบ 2 จุด โดย 3 แบงก์ใหญ่อย่าง SCB เพิ่มขึ้น 3.14% KBANK 1.72% และ ฺฺBBL เพิ่มขึ้น 1.41% ส่วนแบงก์ที่เพิ่มขึ้นได้แรงสุดคือ CIMBT เพิ่มขึ้น 5.08%

นางสาวชาลี กือเย็น นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ เปิดเผยว่า การฟื้นตัวของราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงมาสะท้อนกับผลประกอบการที่น่าจะอ่อนแอตั้งแต่ก่อนหน้าการประกาศงบฯ ไตรมาส 2/2563 ซึ่งปัจจุบันเป็นช่วงรอยต่อของการช่วยเหลือลูกหนี้ ซึ่งบางรายเริ่มกลับมาจ่ายได้ แต่การจะตอบว่าปัจจุบันเป็นจุดต่ำสุดหรือยังนั้นค่อนข้างยาก เพราะสัดส่วนของลูกหนี้ที่ขอความช่วยเหลือและมีปัญหาสภาพคล่อง ยังมีสัดส่วนค่อนข้างมาก

"ในไตรมาส 2 นี้ แบงก์ยังไม่ได้บันทึกตัวเลข NPL จากลูกหนี้ที่เข้าโครงการพักชำระหนี้เลย เพราะฉะนั้นเมื่อหมดอายุโครงการพักชำระหนี้แล้ว คาดว่าจะเห็นตัวเลข NPL เพิ่มขึ้นมาในไตรมาส 3 นี้ สำหรับการจะเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์ ควรจะต้องเลือกเฉพาะบางบริษัทเท่านั้นซึ่งสามารถจัดการ NPL ได้ดี"

บล.กรุงศรี ระบุว่า กำไรสุทธิของกลุ่มแบงก์ช่วงไตรมาส 2/2563 หดตัวตามคาด หลักๆ มาจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น ปัจจุบันประกาศงบออกมาแล้วทั้งหมด 6 ธนาคาร มีกำไรสุทธิรวม 1.99 หมื่นล้านบาท ลดลง 22% จากไตรมาสแรก และลดลง 34% จากปีก่อน ส่วนใหญ่มีผลกำไรต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้

นำโดย KBANK มีกำไรสุทธิลดลงมากที่สุด 67% จากไตรมาสแรก และลดลง 78% จากปีก่อน และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ถึง 59% หลักๆ มาจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นเป็น 20,192 ล้านบาท เทียบจาก 11,872 ล้านบาท เช่นเดียวกับ KTB ที่ตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเป็น 14,000 ล้านบาท เทียบจากไตรมาสแรกที่ 8,000 ล้านบาท ส่วน SCB เป็นเพียงธนาคารเดียวที่กำไรสุทธิออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด เนื่องจากไตรมาสนี้บริษัทไม่ได้ตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเหมือนแบงก์อื่นๆ (รายจ่ายตั้งสำรองทรงตัวที่ 9,700 ล้านบาท) โดย SCB มีกำไรสุทธิ 8,292 ล้านบาท ลดลง 10% จากไตรมาสแรก และลดลง 24% จากปีก่อน