'ทรัมป์' เมินเฟคโพลล์ ไม่เชื่อน้ำยา 'ไบเดน'

'ทรัมป์' เมินเฟคโพลล์ ไม่เชื่อน้ำยา 'ไบเดน'

ผลการสำรวจความคิดเห็นในช่วงหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ มีคะแนนตามหลังอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตมาโดยตลอด รวมทั้งโพลล์ล่าสุดจากฟอกซ์นิวส์ แต่เขาเปิดใจกับพิธีกรดังว่า ไม่เชื่อผลโพลล์เหล่านี้ 

ประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัมภาษณ์คริส วอลเลซ พิธีกร “ฟอกซ์นิวส์ซันเดย์” เมื่อวันอาทิตย์ (19 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นในหลากหลายประเด็น ระหว่างสัมภาษณ์ วอลเลซเปิดตัวผลสำรวจความคิดเห็นทั่วประเทศจัดโดยฟอกซ์นิวส์ ชี้ว่า ไบเดน มีคะแนนนำทรัมป์ 8% และในประเด็นปลีกย่อยไบเดนก็มีคะแนนเหนือกว่า เช่น ประเด็นเศรษฐกิจ ไบเดนนำทรัมป์ 1% แต่ทรัมป์ไม่สนใจผลดังกล่าว มองว่าเป็น “เฟคโพลล์”

“อย่างแรกเลย ผมไม่แพ้เพราะนี่คือเฟคโพลล์ เฟคมาตั้งแต่ปี 2559 ยิ่งตอนนี้ยิ่งเฟค” ทรัมป์กล่าว

ต่อมาพิธีกรถามว่า เขาจะเป็นผู้แพ้อย่างสง่างามหรือไม่ ประธานาธิบดีตอบว่า “ดูก่อน” แล้วก็อ้างเรื่องที่เคยพูดแล้วพูดอีกว่า การลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์อาจทำให้เกิดการโกงเลือกตั้งอย่างกว้างขวาง

ทั้งนี้ การที่เชื้อไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปทั่วประเทศ บางรัฐพยายามอำนวยความสะดวกให้กับการลงคะแนนทางไปรษณีย์ เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อหากเดินทางไปลงคะแนนด้วยตนเอง แต่ทรัมป์ก็วิจารณ์มาตลอดโดยไม่แสดงหลักฐานยืนยัน ครั้งนี้เขาก็มีทัศนะเช่นเดิม

เมื่อพิธีกรกดดันให้ทรัมป์ตอบว่า เขาจะยอมรับผลการเลือกตั้งหรือไม่ เจ้าตัวปฏิเสธไม่ยอมตอบคำถามตรงๆ

“ก็ต้องดูก่อน ต้องรอดู ไม่ ผมไม่ได้บอกว่ารับ แล้วก็ไม่ได้บอกว่า ไม่รับ”

ส่วนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทรัมป์ไม่ได้ให้ความสำคัญกล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นมาในเร็วๆ นี้เป็นเพราะการตรวจหาเชื้อเพิ่ม และหลายคนก็หายเอง “โดยอัตโนมัติ” อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวเสมอว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่าการตรวจหาเชื้อ ชี้ให้เห็นว่า ไวรัสแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในชุมชนทั่วประเทศ

วอลเลซถามย้ำถึงสหภาพยุโรป (อียู) ที่รายงานผู้ติดเชื้อใหม่ราว 6,000 คนต่อวัน ซึ่งผู้นำสหรัฐชี้แจงว่าเป็นเพราะอียู “ไม่ตรวจหาเชื้อ” ทั้งยังไม่ยอมรับว่านโยบายรับมือโควิดระหว่างอียูกับสหรัฐแตกต่างกัน

ซีเอ็นบีซีวิเคราะห์ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ พบว่า ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาสหรัฐรายงานผู้ติดเชื้อใหม่เฉลี่ยวันละ 66,498 คน เพิ่มขึ้นกว่า 15% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า 36 รัฐรวมทั้งเขตดิสทริกท์ออฟโคลัมเบีย ผู้ติดเชื้อเพิ่มอย่างน้อย 5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา การเสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ เนื่องจากรัฐบาลที่การระบาดขยายวงเพิ่มจำนวนขึ้น

“ไม่มีประเทศไหนทำได้เหมือนเราในแง่ของการตรวจเชื้อ เราเป็นที่อิจฉาของทั่วโลก คุณดูประเทศอื่นสิ ไม่ตรวจเลยด้วยซ้ำ จะตรวจก็เฉพาะคนเข้าโรงพยาบาลเท่านั้น”

ทรัมป์วิจารณ์ไบเดนด้วยว่า “ไร้สมรรถภาพ” เป็นผู้นำสหรัฐ

“เขาหมดสภาพ จิตใจหมดสภาพ ถ้าได้รับเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย. เขาจะทำลายประเทศนี้ เขาจะขึ้นภาษีคุณ 3 เท่า ตัดงบตำรวจ ศาสนาจะหายไป”

ทรัมป์อ้างถึงที่เจ้าหน้าที่จากพรรคเดโมแครตห้ามโบสถ์ใหญ่ทำพิธีทางศาสนาเพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัส

ส่วนผลสำรวจความคิดเห็นของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์และเอบีซีนิวส์ ชี้ว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงทะเบียนแล้วทั่วประเทศ นิยมไบเดนมากกว่าทรัมป์ 15% อยู่ที่ 55 ต่อ 40%

ขณะที่ทรัมป์สวนว่า จากผลสำรวจของทำเนียบขาว เขาชนะทั้งระดับประเทศและในรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคใด

ทรัมป์ ในวัย 74 ปี ตั้งข้อสงสัยถึงความเฉียบแหลมของคู่แข่งวัย 77 ปีหลายครั้ง จนวอลเลซต้องถามตรงๆ ว่า ไบเดนแก่แล้วใช่หรือไม่ในทัศนะของทรัมป์

“ผมไม่อยากพูดแบบนั้น ผมบอกว่า เขาไร้สมรรถภาพเป็นประธานาธิบดี” ทรัมป์กล่าวพร้อมเสริมว่า ถ้าให้ไบเดนไปทดสอบความสามารถในการรับรู้ที่ตนทำคะแนนได้ยอดเยี่ยม อดีตรองประธานาธิบดีต้องสติแตกเมื่อเจอคำถามสุดหิน

“ขืนไบเดนไปนั่งให้สัมภาษณ์แบบนี้เขาต้องลงไปนั่งกับพื้นร้องหาแม่ แม่ครับ แม่ครับ พาผมกับบ้านที” ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวถึงคู่แข่ง