"กลยุทธ์การลงทุน"รายสัปดาห์ (20 ก.ค.63)

"กลยุทธ์การลงทุน"รายสัปดาห์ (20 ก.ค.63)

20-24 ก.ค. - ภาพรวมยังอยู่ในทางลง

สรุปภาวะตลาดและมุมมองประจำสัปดาห์: ในสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนี SET ปรับย่อลงในระดับปานกลางในช่วงต้นสัปดาห์ ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดไว้ โดยเป็นผลมาจากความเสี่ยงเรื่องการระบาดรอบสองในกลุ่มประเทศหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐ ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อใหม่ยังคงเร่งตัวขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยก็มีการรายงานว่ามีผู้ป่ วย COVID-19 สองรายที่ก่อให้เกิดกระแสความกังวลว่าจะทำให้เกิดการติดเชื้อในชุมชนขึ้นมาอีก กรณีที่เกิดขึ้นทำให้ความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวของไทย และมาตรการที่เรียกว่า travel bubble ปรับลดลง ทั้งนี้ ตลาดหุ้นเอเซีย รวมถึงไทยด้วยไม่ได้ตอบรับในเชิงบวกต่อตัวเลข GDP ไตรมาส 2/2563 ของจีนที่ขยายตัวได้ถึง 3.2% YoY ซึ่งดีกว่าตลาดคาดที่ +2.5%YoY อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดกลับมาดีขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์หลังจากที่ i) ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มขึ้นในประเทศไทยที่เกี่ยวโยงกับสองกรณีที่กล่าวมาแล้วข้างต้น และ ii) สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกดีดตัวขึ้นจากข่าวบวกที่เกี่ยวกับผลการทดสอบวัคซีนป้ องกัน COVID-19 ของ Moderna Inc. อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์ที่แล้วแทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย

ในสัปดาห์นี้ (20-24 กรกฎาคม) เรายังคงมองลบกับดัชนี SET และคาดว่าตลาดน่าจะย่อลงเนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้ ข้อแรก การติดเชื้อ COVID-19 ใหม่รายวันของทั้งโลกยังคงสูงเกิน 200,000 ราย (สหรัฐสูงกว่า 70,000 ราย/วัน) และน่าจะยังกดดันตลาดหุ้นต่อไปเพราะอาจจะทำให้ต้องมีการกลับมาใช้มาตรการปิดเมืองบางส่วน ซึ่งกรณีดังกล่าวจะฉุดตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ข้อสอง หลังจากที่มีการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในกรุงเทพเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินอาจจะเริ่มให้น้ำหนักมากขึ้นกับความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดรอบใหม่ของ COVID-19 ในประเทศไทย ข้อสุดท้าย ในวันศุกร์นี้จะมีการเปิดเผยตัวเลข Markit flash PMIs เดือนกรกฎาคมของประเทศเศรษฐกิจหลัก ซึ่งคาดว่าจะฉายภาพของโมเมนตั้มเศรษฐกิจโลกที่แผ่วลงจากการติดเชื้อ COVID-19 ที่เร่งตัวขึ้นทั่วโลกในช่วงหลายสัปดห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้สุทธิแล้วเรามองว่าภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวลง อย่างไรก็ดีเราคาดว่าความเสี่ยงทางลงจะยังถูกจำกัดโดยสภาพคล่องในประเทศที่อยู่ในระดับสูง และความคาดหวังต่อการปรับคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ของสื่อในประเทศ ตัวเต็งรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลังคนใหม่คือคุณปรีดี ดาวฉาย ผู้บริหารระดับสูงของ KBANK*

ธีมการลงทุน ปัจจัย และกระแสข่าวที่กระทบกับตลาด:

(-) ปัจจัยหนุนหุ้น cyclical play เริ่มอ่อนลง เนื่องจาก i) ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ยังคงทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อไป ii) ขาดแรงหนุนจากการลดการผลิตของ OPEC+ และ iii) มีความเสี่ยงมากขึ้นที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงอีกในระยะต่อไป เรามองว่าหุ้นกลุ่มพลังงานของไทยมีทางขึ้นที่จำกัด โดยหุ้นที่มี
แนวโน้มกำไรฟื้นตัวดีในไตรมาส 2/2563 เช่นกลุ่มโรงกลั่นอาจยังดูดีในระยะสั้น แต่น่าจะเป็นโอกาสให้นักลงทุนลดพอร์ตหากมองภาพยาวไปถึงครึ่งปีหลัง

ธีมหุ้นที่เราสนใจ:

กลุ่มการพาณิชย์ เราคาดว่าหุ้นกลุ่มนี้จะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศใน 2H63 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นในช่วงที่เกิดภาวะความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ COVID-19 และความล่าช้าของการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ เราชอบ CPALL* มากกว่าเพื่อนในขณะที่มองว่า DOHOME* และ GLOBAL* ก็น่าสนใจสำหรับเข้าเก็งกำไรแม้ว่าจะเหลืออัพไซด์ถึงราคาเป้าหมายอีกไม่มากแล้ว

กลุ่มอาหาร: แนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ที่ฟื้นตัวได้ดี และเงินบาทที่อ่อนลงน่าจะช่วยหนุนอัตรากำไรของผู้ประกอบการธุรกิจแปรรูปอาหาร เราเลือก CPF* เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้ ขณะที่ในหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มนั้น เรามองว่า OSP* มีความน่าสนใจ และน่าจะเริ่มปรับตัวตามหุ้นที่ขึ้นนำไปก่อนหน้าเช่น CBG* ได้