'สมคิดกับสี่กุมาร' น่าจะทำอะไร กับเรื่องอิฐบล็อคใหม่ในการสร้างประเทศไทย

'สมคิดกับสี่กุมาร' น่าจะทำอะไร กับเรื่องอิฐบล็อคใหม่ในการสร้างประเทศไทย

"นพ.ประเวศ วะสี" เขียนบทความ "สมคิดกับสี่กุมาร น่าจะทำอะไร กับเรื่องอิฐบล็อคใหม่ในการสร้างประเทศไทย"

รายละเอียด ดังนี้..

บัดนี้ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และสี่กุมาร ลาออกจากการร่วมรัฐบาลแล้ว คำถามก็คือคนกลุ่มนี้น่าจะทำอะไร ภาพพจน์ของกลุ่ม ๕ นี้เป็นภาพของคนมีความรู้ และประสบการณ์ในการทำงาน แบบที่เรียกกันว่า เทคโนแครต มากกว่าเป็นภาพพจน์ของนักการเมืองเมื่อกลุ่มนี้ไปตั้งพรรคการเมืองประชารัฐ โดยมี อุตตม เป็นหัวหน้าพรรค ยังมีคนเสียดายเพราะความจริงพวกเขาไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นเทคโนแครต เทคโนแครตที่เก่งและดี หาได้ยากอยู่แล้ว ไม่ควรจะไปสูญเสียพลังไปกับความเป็นการเมือง บัดนี้เมื่อพ้นออกมาแล้วจึงมีคำถามว่าควรทำอะไร

ประเทศไทยที่ติดขัดอยู่ทุกวันนี้ บินไม่ขึ้นทั้งๆที่มีทรัพยากรเพื่อการพัฒนา เพราะเต็มไปด้วยโครงสร้างทางอำนาจแต่ขาดโครงสร้างทางปัญญา

แม้ในสังคมโบราณเช่นประเทศจีน ในยุคซุนชิว-จ้านกั๋ว แคว้นใดที่เจ้าผู้ครองแคว้นขาดที่ปรึกษาเก่งๆแคว้นนั้นไปไม่รอด เจ้าผู้ครองแคว้นคืออำนาจที่ปรึกษาคือปัญญา ยิ่งในสมัยปัจจุบันที่สังคมซับซ้อนและมีปัญหายากๆสุดประมาณ อำนาจที่ขาดปัญญาใช้ไม่ได้ผล

แล้วโครงสร้างทางปัญญาจะเกิดขึ้นได้อย่างไร

ต้องมี “กลุ่มเซลล์สมองทางสังคม” (social neurons) มากๆ และเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย คล้ายโครงสร้างของสมองที่เป็นที่เป็นเครือข่ายของเซลล์สมอง (neuronal networks) ของมนุษย์ที่ทำให้มนุษย์มีศักยภาพสูงสุดในการเรียนรู้สามารถเรียนรู้ให้บรรลุอะไรก็ได้

       ถ้าสังคมมี “กลุ่มเซลล์สมอง” ในเรื่องต่างๆมากโครงสร้างอำนาจก็จะเปลี่ยนเป็นโครงสร้างทางปัญญาสังคมสามารถเรียนรู้ให้บรรลุอะไรก็ได้

กลุ่มเซลล์สมองทางสังคม ประกอบด้วยคนจำนวนหนึ่ง เป็นกลุ่มเล็กที่ทำหน้าที่ทางปัญญากล่าวคือ

  • รวบรวมข้อมูล (data)
  • วิเคราะห์สังเคราะห์หาความหมายจากข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ (information)
  • วิเคราะห์สังเคราะห์ information ให้เป็นความรู้เพื่อการใช้งาน (working knowledge)
  • สื่อสารความรู้ไปสู่สาธารณะ ผู้ปฏิบัติและผู้กำหนดนโยบาย
  • ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการพัฒนาความรู้ ไปสู่นโยบายสาธารณะที่ดี และการตัดสินใจทางนโยบายที่ดี
  • ส่งเสริมความเข้าใจในนโยบายสาธารณะที่ดีและสามารถปฏิบัติได้
  • ติดตามการปฏิบัติตามนโยบายและช่วยเหลือแก้ไขข้อติดขัดทำให้ปฏิบัติได้
  • ประเมินการปฏิบัติตามนโยบาย และนำผลการประเมินเป็นข้อมูลป้อนกลับสู่ข้อ ๑ เพื่อพัฒนานโยบายให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

       ควรสังเกตตั้งแต่ข้อ ๑- ๘ คือกระบวนการทางปัญญาพัฒนานโยบายสาธารณะอย่างครบวงจรกลุ่มคนที่ทำกระบวนการนี้ จึงอาจเรียกว่า“กลุ่มพัฒนานโยบายสาธารณะ” ถ้าคนไทยรวมตัวร่วมคิดร่วมทำเป็นกลุ่มเล็กๆและทำงานทางปัญญาเช่นนี้ในเรื่องและระดับต่างๆตั้งแต่ระดับนโยบายชาติไปจนถึงการพัฒนาในพื้นที่ก็จะทำให้ประเทศมีพลังทางปัญญา กลุ่มเล็กๆเหล่านี้อาจเรียกว่ากลุ่มพัฒนานโยบายสาธารณะหรือกลุ่มศึกษาพัฒนาเรื่องต่างๆ

กลุ่มเล็กๆ ที่เกิดจากการรวมตัวร่วมคิดร่วมทำเหล่านี้ จะเป็นประดุจอิฐบล็อคก้อนใหม่ในการสร้างประเทศไทย ภายในอิฐบล็อกหรือกลุ่มเซลล์สมองที่ว่านี้ จะมีความเสมอภาคและภราดรภาพ ไม่มีใครมีอำนาจเหนือใครแต่มีการเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ ซึ่งเป็นอิฐบล็อคที่มีความเป็นประชาธิปไตย และเนื่องจากใช้ข้อมูลเหตุผลการเรียนรู้สร้างความรู้ จึงเป็นอิฐบล็อคทางปัญญาภายในกลุ่มเช่นนี้จะมีความสุขอย่างมหาศาล จนบางคนพูดว่ามีความสุขประดุจบรรลุนิพพาน เพราะทุกคนเท่าเทียมกันลดตัวตนเรียนรู้และเกิดปัญญาร่วมกันมีความสำเร็จสูงจึงเป็นอิฐบล็อคแห่งความสุข

ในเมื่อการรวมตัวร่วมคิดร่วมทำ เป็นกลุ่มเล็กๆเพื่อทำงานสาธารณะในด้านต่างๆด้วยกระบวนการทางปัญญาเช่นนี้ ประเทศจึงเสมือนมีอิฐบล็อกก้อนใหม่มาสร้างประเทศ ซึ่งเป็นอิฐบล็อคทางประชาธิปไตย อิฐบล็อกทางปัญญา และอิฐบล็อกแห่งความสุข แทนที่โครงสร้างทางอำนาจเกิดประชาธิปไตยโดยสาระและอัตถะ ทั้งนี้ด้วยสันติวิธีประเทศประสบความล้มเหลวในการสร้างประชาธิปไตยมาเกือบ ๑๐๐ ปี เพราะใช้การต่อสู้เชิงอำนาจแต่ขาดการแทนที่โครงสร้างอำนาจด้วยโครงสร้างทางปัญญา

สรุปสิ่งที่กลุ่ม ๕ ประกอบด้วย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อุตตม สาวนายน สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ สุวิทย์ เมษินทรีย์ และกอบศักดิ์ ภูตระกูล น่าจะทำคือ รวมตัวกันเป็น กลุ่มพัฒนานโยบายสาธารณะ เป็นกลุ่มเซลล์สมองทางสังคมซึ่งทำหน้าที่ทางปัญญาพัฒนานโยบายสาธารณะ เป็นตัวอย่างให้คนไทยอื่นๆรวมตัวร่วมคิดร่วมทำเป็นกลุ่มๆในกิจสาธารณะในเรื่องต่างๆให้เต็มประเทศและเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย

นโยบายสาธารณะที่ดีเป็นปัญญาสูงสุดของชาติใดชาติหนึ่ง เพราะมีผลกระทบต่อทิศทางของประเทศและการที่ประเทศจะตัดสินใจทำหรือไม่ทำอะไรและอย่างไรถ้ากลุ่ม ๕ ที่ว่านี้ทำได้ดีไม่ต้องทำการเมืองเองให้สูญพลังเปล่ากับความเป็นการเมืองไปมากไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องรับนโยบายสาธารณะที่ดีไปทำหรือเขาจะมาขอให้เข้าไปช่วยรัฐบาลในฐานะคณะรัฐมนตรีเชิงเทคโนแครตก็ได้ โดยไม่ต้องไปสู้รบปรบมือกับใครในทางการเมือง

ขอให้สังคมไทยทำความเข้าใจเรื่องกลุ่มเซลล์สมองทางสังคม เช่น กลุ่มพัฒนานโยบายสาธารณะแล้วพยายามทำให้มากก็จะเกิดอิฐบล็อคก้อนใหม่ในการสร้างประเทศไทย ที่มีพลังทางประชาธิปไตยพลังทางปัญญาและพลังทางความสุขซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศขั้นพื้นฐาน (Transformation) ไปสู่ความเจริญอย่างแท้จริง ด้วยสันติวิธีบนเส้นทางมัชฌิมาปฏิปทา หรือเส้นทางสายปัญญาซึ่งเป็นเส้นทางแห่งความเป็นเหตุเป็นผลล้วนๆโดยไม่แบ่งข้างแบ่งขั้วอันประกอบไปด้วยไมตรีจิต