'จตุพร' เตือนทั้งฝ่ายรัฐและนักศึกษา ใช้ความอดทนกันให้ถึงที่สุด

'จตุพร' เตือนทั้งฝ่ายรัฐและนักศึกษา ใช้ความอดทนกันให้ถึงที่สุด

“จตุพร พรหมพันธุ์” เตือนทั้งฝ่ายรัฐและนักศึกษา ใช้ความอดทนกันให้ถึงที่สุด พร้อมย้ำนักศึกษาต้องยึดกุมข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ และต้องขีดเส้นใต้ให้ชัดต้องไม่ไปก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ชี้ นักศึกษาคือพลังบริสุทธิ์ ฝ่ายการเมืองไม่ควรเข้าไปยุ่ง

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกเมื่อวานนี้ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ว่า การชุมนุมนั้นสิ่งที่จำเป็นจะต้องทำทั้ง 2 ฝ่าย คือการแข่งความอดทนซึ่งกันและกัน ซึ่งตนผ่านเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 มาโดยในขณะนั้นก็เป็นคนหนุ่มสาวเหมือนกับคนเหล่านี้  จึงรู้ว่าคนหนุ่มสาวเป็นพลังบริสุทธิ์ มีความฝันมีความหวัง  ดังนั้นการต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองนั้นเป็นหน้าที่ และประเทศใดคนหนุ่มสาว  ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้นั้นประเทศนั้นจะหามีอนาคตไม่ โดยการต่อสู้การแสดงออกของคนหนุ่มสาวของประเทศที่มีอนาคต ผู้มีอำนาจต้องมองด้วยภาวะการณ์ปกติ  เพราะหากมองว่าเป็นภัยคุกคามที่จะต้องกำจัดนั้นสุดท้ายแล้วเหตุการณ์จะลุกลามบานปลาย ประชาชนซึ่งเป็นพ่อแม่ของนักศึกษาทนไม่ได้ก็จะออกมา  ขณะเดียวกันการชุมนุมก็ต้องเตรียมความพร้อมให้ครบถ้วนทั้ง  อุปกรณ์เครื่องเสียง  และระบบการจัดการ์ดรักษาความปลอดภัยในการปกป้องและลดความสูญเสียในการชุมนุมเพราะปรากฏการณ์ที่เกิดการกรูเข้าไปนั้นสามารถทำให้เกิดเหตุการรณ์ได้ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตามฝ่ายผู้ปกครองจะต้องใจกว้าง  จะต้องมีความอดทนให้ถึงที่สุด  ขณะเดียวกันข้อเรียกร้องของบรรดาคนหนุ่มสาว 3 ข้อนั้น ก็ต้องยึดกุมให้แข็งแรงและที่สำคัญต้องไม่ไปก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์เพราะจะทำให้เป็นจุดอ่อนโดยฉับพลัน ซึ่งทั้ง 3 ข้อเรียกร้องนั้นเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญทั้งการเรียกร้องให้ยุบสภา  การเรียกร้องไม่ให้มีการคุกคามบุคคลที่มีความเห็นต่างและเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  หากขีดเส้นใต้ไว้ 3 ข้อนี้ เชื่อว่าสถานการณ์จะสามารถเดินได้ตามปกติ บทเรียนการชุมนุมแต่ละครั้ง ซึ่งไม่ได้บอกว่าคนรุ่นไหนจะเก่งกว่าคุณรุ่นไหน  ดังนั้นปรากฏการณ์เมื่อวานนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นอีกครั้ง

ทั้งนี้ นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ในภาวะการของประเทศที่คนไร้ทางออกนั้นรัฐต้องยอมรับความเป็นจริงว่าคนไทยอยู่ท่ามกลางความยากลำบาก การเยียวยาไม่ครบถ้วนอีกทั้งการเยียวยาเท่านั้นไม่สามารถดำรงชีพได้ตลอดไปเหล่านี้ต้องยอมรับความเป็นจริงว่าความเดือดร้อนดังกล่าวนั้นคนจะไหลไปรวมกับนักศึกษาโดยอัตโนมัติ  ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดและใจกว้าง  ต้องไม่คิดในการที่จะล้อมปราบ เพราะจะทำให้สถานการณ์ของประเทศยุ่งยากมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นด้วยกับการยุติการชุมนุมตอนเที่ยงคืน เพราะการชุมนุมข้ามคืนหากไม่พร้อมก็อย่าทำ ให้รักษาระดับความสำเร็จเอาไว้ และหากไม่พร้อมก็ต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์ นี่จึงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดเพราะคนที่มาร่วมชุมนุมไม่ได้เตรียมตัว คนจัดก็ไม่ได้เตรียมตัว และสถานที่ทุกอย่างก็ขาดความพร้อมทั้งหมดในการชุมนุมยืดเยื้อได้ในทางปฏิบัติ รวมถึงจุดดูแลการรักษาความปลอดภัยก็ไม่ได้มีการเตรียมการ ดังนั้นในสถานการณ์ที่มีความเปราะบางทุกฝ่ายจะต้องใช้ความอดทนกันอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ นายจตุพร ยังกล่าวว่า หากมองด้วยมุมปรากฏการณ์ว่าความแข็งแรงของกระบวนการนักศึกษานั้นคือความเป็นอิสระ ซึ่งตนห้ามแกนนำนปช. อย่าเข้าไปใกล้ เพราะเราเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องทางการเมือง ดังนั้น หากเข้าไปใกล้เมื่อไหร่จะเป็นเหตุให้ การต่อสู้ของนิสิตนักศึกษา มีสภาพที่ไม่แข็งแรง เพราะพลังบริสุทธิ์จะเป็นภูมิต้านทานที่ดีที่สุด ดังนั้นบรรดานักการเมืองพรรคการเมืองจะต้องเว้นระยะห่างจากพลังบริสุทธิ์เหล่านี้ พร้อมย้ำว่า การต่อสู้ทางการเมืองต่อไปนี้ไม่ควรจะมีการบาดเจ็บล้มตายหรือต้องสูญสิ้นอิสรภาพและเห็นว่าการต่อสู้ของประชาชนนิสิตนักศึกษานั้นเป็นหน้าที่ปกติของคนที่เกิดภายในประเทศนี้