ประชุมใหญ่ 'ประชาธิปัตย์' เดือด! 'เฉลิมชัย' โต้ 'อันวาร์' ว่าพรรคตกต่ำ

ประชุมใหญ่ 'ประชาธิปัตย์' เดือด! 'เฉลิมชัย' โต้ 'อันวาร์' ว่าพรรคตกต่ำ

ประชุมใหญ่พรรคประชา เดือด 'อันวาร์' ชำแหละปมสาเหตุพรรคตกต่ำ ด้าน 'จุรินทร์' ย้ำเหตุผลร่วมรัฐบาล ขณะที่พรรคมีมติเลือก 'สุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์' นั่งเหรัญญิกคนใหม่

การประชุมใหญ่สามัญพรรคประชาธิปัตย์ ประจำปี 2563 วันนี้จัดขึ้นที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ซึ่งมีทั้ง กรรมการบริหารพรรค /ส.ส. /รัฐมนตรีของพรรค /อดีต ส.ส. /อดีตรัฐมนตรี /หัวสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด เข้าร่วมประชุม โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม

  •  'จุรินทร์' ย้ำเหตุผลร่วมรัฐบาล 

จุรินทร์ ได้ชี้แจงหลังสมาชิกพรรคถามถึงการทำงานของพรรคในช่วงที่ผ่านมาว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาได้ ส.ส. 52 คน และพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นพรรคที่มี ส.ส.ลำดับที่ 5 ดังนั้น หลังการเลือกตั้งพรรคจะตัดสินใจดำเนินกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะต้องแตกต่างไปจากเดิม และหากจะเป็นรัฐบาลจะเป็นแกนนำก็ยาก เพราะเสียงมีไม่มากพอ และหากไปทำหน้าที่ฝ่ายค้านก็มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถไปอยู่ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านได้ เพราะมีข้อจำกัดเรื่องเสียงตามรัฐธรรมนูญเช่นกัน จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจของการร่วมรัฐบาลในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ในอนาคตไม่ใช่ว่าพรรคจะโตไม่ได้

ทั้งนี้ มั่นใจว่า ประชาธิปัตย์จะเติบโตได้ในวันข้างหน้า และนอกเหนือจากอุดมการณ์พรรค ก็จะต้องมีผลงานและความเป็นเอกภาพ โดยยืนยันอีกว่า วันนี้พรรคยังมีอุดมการณ์อยู่ และที่ยึดมั่น คือ อุดมการณ์ประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภา อุดมการณ์ในความซื่อสัตย์สุจริตที่มีมากกว่า 70 ปี และอุดมการณ์แห่งการมุ่งมั่นในการรับใช้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน แต่จะต้องเปลี่ยนให้อุดมการณ์ทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์การเมืองยุคใหม่

ขณะเดียวกัน นายจุรินทร์ ยังบอกอีกว่า ความไม่เป็นเอกภาพ คือตัวบั่นทอนการทำงานของพรรค และบั่นทอนาคตของทุกคนในพรรค ทั้งนี้ เมื่อเปิดให้แสดงความเห็น แล้วมีมติ ทุกคนต้องเคารพ และจะต้องจับมือกัน เพื่อให้มีความเป็นเอกภาพเกิดขึ้น ทั้งนี้ ตนเองเชื่อว่า สมาชิกพรรคยึดมั่นในอุดมกาณณ์ พร้อมจับมือเดินหน้าไปสู่ความทันสมัย โดยขอให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพและเดินไปข้างหน้า พร้อมรับฟังความคิดเห็น และมั่นใจว่าจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

  •  อันวาร์ สาและ รองเลขาธิการพรรคและ ส.ส.ปัตตานี ชำแหละ ปชป. ตกต่ำ 

ในระหว่างการประชุม อันวาร์ สาและ รองเลขาธิการพรรคและ ส.ส.ปัตตานี แสดงความเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีแนวโน้มตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีวี่แววพลิกฟื้นในอนาคตอันใกล้นี้ เป็นเพราะว่า พรรคเดินผิดทาง เปลี่ยนโอกาสเป็นวิกฤต ส่งผลให้แพ้เลือกตั้ง สูญเสียที่นั่ง ส.ส.ทุกเขตเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ กทม.ที่แพ้ทุกเขต ที่เป็นแบบนี้ อาจเป็นเพราะประชาชนผิดหวังกับการกระทำของพรรค ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในระหว่างสมาชิกพรรค

ขณะเดียวกัน นายอันวาร์ ประกาศว่า ไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ใน ครม. และไม่ต้องกังวลว่าจะตนแย่งตำแหน่งใคร เพราะมีข่าวลือว่าที่ตนอยากเสนอเปิดประชุมพรรคเพราะต้องการเป็นรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องปัญญาอ่อน

นอกจากนี้ อันวาร์ ยังแสดงความเห็นเกี่ยวกับการทำงานของรัฐมนตรีหลายคนในพรรคว่ายังไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งปัญหาขาดแคนหน้ากากอนามัยของกระทรวงพาณิชย์ ผลงานที่ไม่โดดเด่นของกระทรวงคมนาคม หรือแม้แต่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่ทำงานแบบข้าราชการไม่ได้นำนโยบายของพรรคไปบูรณาการ ซึ่งทำให้รัฐมนตรี รวมถึง ส.ส.และอดีตผู้สมัครหลายคนลุกขึ้นแสดงความเห็นว่าคำพูดของนายอันวาร์ ควรอยู่ในขอบเขตและไม่ควรพาดพิงใคร

ทั้งนี้ ในที่ประชุมสามัญใหญ่ ประจำปีพรรคประชาธิปัตย์ มีมติเลือก "สุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์" อดีต ส.ส. กทม เป็น เหรัญญิกพรรค โดย จะส่งชื่อแจ้งไปยัง กกต. เพื่อดำเนินการขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป

  •  เฉลิมชัย โต้ อันวาร์ 

“เฉลิมชัย โต้ อันวา หลังชำแหละพรรค ปชป.ตกต่ำ ย้ำ ต้องร่วมกันพาพรรคเดินไปข้างหน้า ร่วมกันหาทางออก อย่าดีแต่ตำหนิ ยืนยันผมตรวจสอบก่อสร้างสภาล่าช้า ไม่มีใครสั่ง ย้ำพร้อมรับฟังความเห็นและนำไปปรับปรุง”

เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวช่วงหนึ่งระหว่างการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2563 ของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อชี้แจงหลังสมาชิกโดยเฉพาะนายอันวา สาและ ส.ส.ปัตตานี วิพากวิจารณ์การทำงานของพรรคในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกล่าวโจมตีชี้เหตุผลที่ทำให้พรรคตกต่ำ ทั้งเรื่องดีแต่พูด-เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้เพื่อน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในระหว่างสมาชิกพรรค และการตั้งกรรมาธิการในการสร้างสภาล่าช้า โดยให้นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ เป็นประธาน กมธ. แต่วันรุ่งขึ้นกลับเปลี่ยนตัว ทำให้ต้องตั้งข้อสงสัยว่าพรรครับคำสั่งใคร หรือไม่


โดย เฉลิมชัย กล่าวว่า ผมยอมรับว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ แต่เราต้องรับมาปรับปรุง กรรมการบริหารพรรคพร้อมที่จะรับฟังความเห็นและพร้อมที่จะนำไปปฏิบัติ ส่วนที่บอกว่าพรรคดีแต่พูด จากที่นโยบายของนายอภิสิทธิ์ ตอนที่นายอภิสิทธิ์มีแนวทาง ทุกคนเดินตามหัวหน้า เพราะเราคือประชาธิปัตย์ เมื่อแพ้เราก็ยอมรับ และหาทางออก ไม่ใช่ตำหนิอย่างเดียว อันนี้เรียกว่าดีแต่พูด และเมื่อประชุมกรรมการบริหารพรรคใหม่ก็มีแนวทางและเป็นไปตามกฎระเบียบของพรรค

“ส่วนประเด็นการเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นถ้าไม่อยากให้คนอื่นว่า ก็อย่าทำเอง ถ้าไม่อยากให้คนอื่นด่าพรรคเรา เราต้องไมาทำตัวเองอย่างนั้น ต้องเปิดใจเราให้กว้างก่อน ก่อนจะไปเปิดใจคนอื่น”

"ถ้าคิดว่าพรรคตกต่ำก็ต้องมาช่วยกัน พรรคตกต่ำขนาดนั้นเลยเหรอ ส่วนตัวผมก็มีเสรีภาพทางความคิด ผมว่าไม่ได้ตกต่ำขนาดนั้น การตอกย้ำนี่แหละที่จะทำให้ตกต่ำ และวันนี้ผมเข้ามาเพื่อช่วยพาพรรคไปให้ดีที่สุด ที่พูดไม่ได้มีอารมณ์ ไม่ได้ต้องการโต้แย้ง แต่พูดเพื่อพรรค"

 ส่วนเรื่องกรรมาธิการตรวจสอบการก่อสร้างสภาล่าช้า ไม่มีใครสั่งและไม่มีใครสั่งพรรคประชาธิปัตย์ได้ แต่มีเหตุผลอย่างอื่น และยังยืนยันว่า สู้เต็มที่เพื่อรักษาพรรค” เฉลิมชัย กล่าว