'คลินิกแก้หนี้' ปรับเงื่อนไขใหม่ รับ 'ปลดหนี้' ผู้ที่มีหนี้เสียก่อน 1 ก.ค. เช็ครายละเอียดที่นี่!

'คลินิกแก้หนี้' ปรับเงื่อนไขใหม่ รับ 'ปลดหนี้' ผู้ที่มีหนี้เสียก่อน 1 ก.ค. เช็ครายละเอียดที่นี่!

เปิดเงื่อนไขใหม่ของ "คลินิกแก้หนี้" 2563 อ้าแขนรับลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียก่อน 1 ก.ค. 63 เข้าโครงการได้

"คลินิกแก้หนี้บายแซม" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "คลินิกแก้หนี้" ภายใต้ความร่วมมือของ "ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)" โครงการที่ช่วยผู้ที่มีปัญหาหนี้เสียสารพัดบัตร และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน สำหรับลูกหนี้ทั่วไปที่มีคุณสมบัติตามเงื่อนไข 

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ "โควิด-19" ส่งผลให้จำนวนลูกหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล (หนี้บัตร) มีแนวโน้มกลายเป็นหนี้เสียสูงขึ้น "คลินิกแก้หนี้" ปรับเงื่อนไขการให้บริการ เพื่อให้การช่วยเหลือขยายวงกว้าง ครอบคลุมประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือทางการเงินได้มากขึ้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

  •  หลักเกณฑ์คลินิกแก้หนี้ อัพเดทล่าสุด (ข้อมูล ณ วันที่ 17 ก.ค. 63) 

159497239351

  •  รายละเอียดของหลักเกณฑ์ของคลินิกแก้หนี้ที่มีการปรับเปลี่ยน และเพิ่มเติมเข้ามา มีดังนี้ 

1. ปรับเกณฑ์คุณสมบัติผู้สมัครเข้าโครงการ 

จากเดิมผู้สมัครต้องเป็นหนี้เสีย หรือ NPL ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 มาเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เพื่อขยายความช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้ที่กลายเป็น NPL ในช่วงครึ่งแรกของปีจากผลของวิกฤตโควิด 19 ให้ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที

หลังจากปรับเงื่อนไขในครั้งนี้ คาดว่าจะมีลูกหนี้สนใจสมัครเข้าโครงการจำนวนมาก และทำให้ขั้นตอนการพิจารณาใช้เวลานานกว่าช่วงปกติอยู่บ้าง จึงขอให้ผู้สมัครยื่นและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ซึ่งจะช่วยให้การพิจารณาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อทราบผลการพิจารณาแล้ว โครงการจะติดต่อกลับเพื่อแจ้งผลให้ทราบโดยเร็ว

2. ปรับเกณฑ์ห้ามก่อหนี้ใหม่ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น 

ปัจจุบันกำหนดให้ผู้เข้าโครงการห้ามก่อหนี้ใหม่ภายในเวลา 5 ปี แต่ครั้งนี้ได้เพิ่มเกณฑ์ที่ว่า หากผู้เข้าร่วมโครงการสามารถผ่อนชำระเงินต้นได้อย่างน้อยร้อยละ 50 ก็สามารถขอสินเชื่อใหม่ได้ ซึ่งอาจใช้เวลาไม่ถึง 5 ปี

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อขึ้นกับหลักเกณฑ์ของผู้ให้บริการทางการเงินแต่ละแห่ง การปรับเกณฑ์ในครั้งนี้มุ่งหวังเพื่อจูงใจให้ลูกหนี้สมัครเข้าโครงการมากขึ้น เพราะบางส่วนกังวลเรื่องห้ามก่อหนี้ใหม่ 5 ปี อีกทั้งเพื่อจูงใจให้ลูกหนี้เร่งชำระหนี้คืน หรือชำระหนี้เมื่อมีเงินก้อนถ้ายังพอมีความสามารถ

3. ผู้ให้บริการจะต้องมีแผนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เอื้อต่อการผ่อนชำระเช่นเดียวกับโครงการคลินิกแก้หนี้ และเสนอให้ลูกหนี้พิจารณา 

ตามที่ ธปท. ประกาศมาตรการพื้นฐานขั้นต่ำเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยในระยะที่ 2 เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤตโควิด สิ่งหนึ่งที่มาตรการในระยะที่ 2 ได้ปรับปรุงให้ดีขึ้น คือ ผู้ให้บริการทางการเงินจะต้องมีมาตรการสำหรับกลุ่มที่เป็น NPL แล้ว ดังนั้น ผู้ให้บริการทางการเงินจะต้องจัดให้มีช่องทางหรือกลไกแก้ไขหนี้ในลักษณะเดียวกับคลินิกแก้หนี้ รวมทั้งมีแผนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เอื้อต่อการผ่อนชำระเช่นเดียวกับโครงการคลินิกแก้หนี้ และเสนอให้ลูกหนี้พิจารณา กล่าวโดยสรุปคือ หากลูกหนี้ที่เป็น NPL นอกจากจะสมัครเข้าโครงการแล้ว ยังสามารถขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรนได้โดยตรงกับผู้ให้บริการทางการเงิน  

  •  ช่องทางสมัครเข้าร่วม "คลินิกแก้หนี้" 

ผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ที่คลินิกแก้หนี้กำหนด สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ 2 ช่องทาง ดังนี้

1. สมัครเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ ผ่านช่องทางออนไลน์ คลิกที่นี่ 

159497159390

2. สมัครเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ ผ่านช่องทางไปรษณีย์

- กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มใบสมัคร (คลิกที่นี่) และหนังสือให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมทั้ง จัดเตรียมเอกสารประกอบพร้อมรับรองสําเนาถูกต้อง ดังนี้ 

สําเนาบัตรประจําตัวประชาชน / สําเนาทะเบียนบ้าน / เอกสารการตรวจสอบภาระหนี้จากเครดิตบูโร ของผู้สมัคร โดย ลูกค้าสามารถขอข้อมูลเครดิตบูโรได้ที่ ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร / เคาน์เตอร์ธนาคาร / ATM / Mobile App / ที่ทำการไปรษณีย์ไทย / Internet Banking

สำหรับพนักงานประจําต้องใช้สลิปเงินเดือน 3 เดือน ส่วนอาชีพอิสระจะต้องแสดงรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน หรือ เอกสารแสดงการเสียภาษีเงินได้ 50 ทวิ (ถ้ามี)

- ยืนยันการสมัคร โดยการถ่ายรูปใบสมัครหน้าแรก และส่งมาทาง Facebook Line คลินิกแก้หนี้

- จัดส่งใบสมัครตัวจริง และเอกสารประกอบพร้อมรับรองสําเนาถูกต้องทุกหน้ามาตามที่อยู่ "โครงการคลินิกแก้หนี้ ตู้ปณ.40 ปณฝ. ซันทาวเวอร์ส กทม. 10905"

ทั้งนี้ โครงการคลินิกแก้หนี้ ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาใบสมัครตัวจริง และเอกสารประกอบที่ครบถ้วนเท่านั้น 

  •  สอบถามข้อมูล "คลินิกแก้หนี้" 

  159496950872

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Website LINE หรือ Facebook หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 0 2610 2266 ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.30 - 17.00 น. 

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย