ห่วงแรงงานไทยในอุซเบกิสถาน เร่งช่วยกลับประเทศ ย้ำถูกกฎหมายได้รับคุ้มครอง

ห่วงแรงงานไทยในอุซเบกิสถาน เร่งช่วยกลับประเทศ ย้ำถูกกฎหมายได้รับคุ้มครอง

"ดร.ดวงฤทธิ์" ห่วง 95 แรงงานไทย ในอุซเบกิสถาน ที่ติดต่อร้องขอกลับประเทศ เหตุความไม่ปลอดภัยจากพิษโควิด-19 เร่งประสานให้ความช่วยเหลือเรียบร้อย จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นแรงงานถูกกฎหมาย และเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 63 ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อจากแรงงานไทยที่ ทำงานอยู่ที่ประเทศสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน จำนวน 95 คน ซึ่งไปทำงานโดยการจัดส่งของบริษัทจัดหางาน ขอให้ช่วยเหลือพากลับประเทศไทย เนื่องจาก ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ในประเทศ ทำให้ตกงาน ไม่มีรายได้ รวมทั้ง ต้องอาศัยอย่างแออัดรวมอยู่กับแรงงาน 3 ประเทศคือ ประเทศไทย ประเทศสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน และ ประเทศบังคลาเทศ ทำให้ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19)

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้รับแจ้งจากทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ซึ่งมีเขตอาณาดูแลประเทศอุซเบกิสถาน ว่า ได้ติดต่อกับแรงงานไทย แล้ว และได้ประสานให้กงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำอุซเบกิสถาน ดูแลแรงงานไทยระหว่างรอเดินทางกลับไทย โดยเฉพาะแรงงานที่เจ็บป่วย แต่ทั้งนี้ เนื่องจาก รัฐบาลอุซเบกิสถานออกกฎห้ามเดินทางถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 และอยู่ระหว่างปิดประเทศ จึงไม่มีเที่ยวบินให้บริการ จึงคาดว่าต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการเจรจากับทางการอุซเบกิสถานและสายการบินเพื่อจัดเที่ยวบินส่งกลับแรงงานไทย ซึ่งที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตฯ เคยจัดเที่ยวบินส่งแรงงานไทยกลับในลักษณะนี้แล้ว 37 คน

ในเบื้องต้น จากการตรวจสอบข้อมูลพบ แรงงานไทยทั้ง 95 คน ไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศทั้งหมด ดังนั้น บริษัทที่เป็นนายจ้าง จึงมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบความเป็นอยู่และการปฏิบัติตามสัญญาจ้าง ซึ่งกระทรวงแรงงานจะได้เชิญบริษัทฯ มาให้ข้อมูลเพื่อกำชับให้ดูแลคนงาน ตามสัญญาต่อไป

อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้น แรงงานไทยจะได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ จากกรมการจัดหางาน โดยเฉพาะแรงงานไทยที่ทำงานในต่างประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ในประเทศที่ทำงานอยู่ ซึ่งทางการของประเทศนั้นๆ ประกาศกำหนดแล้ว และได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคฯ จะได้รับเงินสงเคราะห์ ดังนี้
1. สมาชิกกองทุนฯ ที่ได้รับผลกระทบและประสบปัญหาจากการเกิดโรคระบาด ทำให้ต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนสิ้นสุดสัญญาจ้างงาน จะได้รับการสงเคราะห์ รายละ 15,000 บาท
2. สมาชิกกองทุนฯ ที่ประสบปัญหาระหว่างอยู่ในต่างประเทศ เช่น นายจ้างประกาศปิดกิจการ เนื่องจากมาตรการในแต่ละประเทศเพื่อป้องกันการเกิดโรคระบาด หรือนายจ้างสั่งให้พักงานและอยู่ระหว่างรอกลับเข้าไปทำงานใหม่ โดยมิใช่ความผิดของสมาชิกกองทุนฯ เป็นเหตุให้ได้รับความเดือดร้อนขาดรายได้ โดยสำนักงานแรงงานในต่างประเทศจะเป็นผู้รับผิดชอบ และพิจารณาการให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์แก่สมาชิกกองทุนฯ ที่ยื่นคำร้องขอรับการสงเคราะห์ ทั้งนี้ สำนักงานแรงงานในต่างประเทศจะตรวจสอบข้อเท็จจริง หากสมาชิกกองทุนฯไม่ได้รับความช่วยเหลือจากนายจ้าง สำนักงานแรงงานในต่างประเทศจะพิจารณาให้การช่วยเหลือตามความเป็นจริงและเหมาะสม ตามระเบียบ ข้อ 5 (2) (ง) เป็นค่าใช้จ่ายเท่าที่จ่ายจริงไม่เกินรายละ 30,000 บาท



ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ยังได้เน้นย้ำว่า การไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะได้รับการคุ้มครอง และคนงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศทุกคน ควรสมัครสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ และการคุ้มครอง หากประสบอันตราย เสียชีวิต พิการ ทุพพลภาพ หรือประสบปัญหาในต่างประเทศ ซึ่งคุ้มครองตลอดระยะเวลาสัญญาจ้างงาน จึงขอให้ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ ตระหนักถึงความสำคัญ ของการเป็นสมาชิกกองทุนฯ โดยเฉพาะการเดินทางไปทำงานด้วยวิธีแจ้งการเดินทางด้วยตนเอง เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้เป็นสมาชิกกองทุนฯ ได้ด้วยความสมัครใจ อย่างไรก็ดี ก่อนตัดสินใจไปทำงานในต่างประเทศ ก็ควรศึกษาข้อมูลก่อนเดินทาง โดยสอบถามข้อมูลสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ เพื่อเป็นการป้องกันการถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ หรือโทร.สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน