จุรินทร์ดันไทย เบอร์ 1 อาหารโลก
“จุรินทร์” ดันไทยเบอร์1 อาหารโลกพร้อมใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมทำการผลิตมีคุณภาพเขื่อถือได้ ด้าน”เฉลิมชัย”หวังรายได้เกษตรกรโตยั่งยืน
นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพร้อมกล่าวปาฐกถาในงาน“อาหารไทยอาหารโลก” ภายใต้วิสัยทัศน์“เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาดสร้างโอกาสไทยทุกคน” ว่าไทยเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญของโลกโดยในปี2562 ไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารอันดับที่11 ของโลกมีมูลค่ากว่า1 ล้านล้านบาทคิดเป็นส่วนแบ่งในตลาดโลกร้อยละ2.51 และคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ16.5 ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทยและใน5 เดือนแรกของปี2563 มีสัดส่วนถึงร้อยละ17.4 ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทย
“ถ้าเราจับมือร่วมกันในการเดินไปข้างหน้าโอกาสที่จะเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารของโลกเบอร์ต้นๆหรืออาจเป็นเบอร์หนึ่งทำไมจะไม่ได้”
ดังนั้นท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 และการตกต่ำของเศรษฐกิจโลกการส่งออกอาหารของไทยยังขยายตัวและเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้อย่างต่อเนื่องหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจฐานรากและประชาชนหลายสิบล้านคนที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ
ในโลกยุคใหม่ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆอาทิความผันผวนของเศรษฐกิจโลกสังคมผู้สูงอายุกระแสรักสุขภาพและรักษ์สิ่งแวดล้อมรวมทั้งการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำรงชีวิตแบบใหม่(New normal) ธุรกิจอาหารของไทยจึงต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและรูปแบบการค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
นำไปสู่การนำเอายุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” มาใช้ในการพัฒนาส่งเสริมและต่อยอดธุรกิจอาหารไทยให้อยู่ในใจของผู้บริโภคทั่วโลกโดยล่าสุดได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตโดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานร่วมและคณะทำงานขับเคลื่อนพันธกิจ4 คณะได้แก่(1) คณะทำงานขับเคลื่อนการสร้างSingle Big Data ใช้ข้อมูลจากฐานเดียวกัน(2) คณะทำงานขับเคลื่อนการสร้างแพลตฟอร์มกลางเกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด(3) คณะทำงานขับเคลื่อนการสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับและ(4) คณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด
นอกจากนี้ได้ผลักดันการค้าสินค้าเกษตรและอาหารแบบเชิงรุกโดยเฉพาะผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งการทำ online business matching การจัดonline instore promotion การจัดงานแสดงสินค้าออนไลน์เสมือนจริง(Virtual trade show) และกิจกรรมThai Fruits Golden Months Live Streaming (ไลฟ์สด) เป็นต้นสามารถช่วยขยายตลาดต่างประเทศสำหรับสินค้าเกษตรและอาหารของไทยเป็นมูลค่าถึง2,473 ล้านบาทช่วงระหว่างเดือนเม.ย. - ก.ค. 2563
ด้านการสร้างฐานข้อมูลก็สำคัญจึงมีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ (National Agricultural Big Data Center : NABC) เพื่อบูรณาการข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยในเบื้องต้นมีแผนดำเนินการใน5 รายการสินค้าหลักได้แก่ข้าวยางพาราปาล์มน้ำมันข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลังและจะขยายเพิ่มอีก8 สินค้า เพื่อให้การวางแผนและตัดสินใจเชิงนโยบายต่อไป
สำหรับแนวทางการทำงานประกอบด้วย1.เพิ่มมูลค่าอาหารไทยด้วนเทคโนโลยี2.รักษาตลาดเก่าเสริมตลาดใหม่ผ่านเซลล์แมนประเทศ
แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะต้องเผชิญปัญหาเศรษฐกิจโลกเงินบาทแข็งค่าทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรของไทยสูงขึ้นกว่าคู่แข่งในต่างประเทศซ้ำยังเผชิญปัญหาโควิดแต่การพลักดันการส่งออกอาหารต้องเดินหน้าต่อไป
“ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จคือความร่วมมือจากภาคเอกชนที่อยากเห็นเราทำอะไรต้องแก้ไขอะไรขอให้บอกเราเพื่อทำงานร่วมกันให้สำเร็จ”
นอกจากนี้การนำเทคโนโลยีและพื้นฐานการเกษตรที่เข้มแข็งของไทยมาใช้ก็จะสามารถดันเป้าหมายนี้ไปสู่ความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
เฉลิมชัยศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่าถ้าสร้างเกษตรสมัยใหม่และภาคเอกชนร่วมหาตลาดเพิ่มจะทำให้เกษตรกรพ้นความยากจน
ทั้งนี้เชื่อมั่นว่านโยบายเกษตรผลิตพาณิชย์ตลาดจะทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้นประชาชนได้บริโภคสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ