เงินบาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘อ่อนค่า’ที่ 31.57 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘อ่อนค่า’ที่ 31.57 บาทต่อดอลลาร์

ตลาดการเงินต่างประเทศยังสดใส ระยะสั้นติดตามภาวะเศรษฐกิจจีน พร้อมกับมาตรการคุมการแพร่ระบาดไวรัสมากกว่ามาตรการดอกเบี้ยหรือคิวอี เช่นเดียวกับฝั่งเงินบาท จับตาทิศทางการรับมือการระบาดของไวรัสรอบสองพร้อมกับมุมมองปรับครม.อาจเป็นแรงต้านในช่วงสั้น

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31. 57 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 31.51 บาทต่อดอลลาร์  มองกรอบเงินบาทวันนี้ 31.48-31.68 บาทต่อดอลลาร์

ในคืนที่ผ่านมาตลาดการเงินยังคงสดใสจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนกลุ่มธนาคารในสหรัฐที่ไม่เลวร้ายดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นอีก 0.9% จนในปัจจุบันเท่ากับช่วงต้นปีที่ผ่านมาอีกครั้ง ส่วนหุ้นยุโรปก็ตามมาห่าง แม้ดัชนีStoxx Euro 600 จะปรับตัวขึ้น 1.7% ในคืนก่อน แต่ยังถือว่าต่ำกว่าช่วงต้นปีอยู่ถึง 11.0%

เช่นเดียวกับราคาสินทรัพย์ในตลาดการเงินอื่น ที่ยังคงเคลื่อนไหวในเชิงระมัดระวังตัว บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปีทรงตัวที่ 0.63% ราคาน้ำมันเวสท์เท็กซัส (WTI) อยู่ในระดับ 41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาทองคำทรงตัวเหนือระดับ 1810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ด้วยค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง

ส่วนในระยะสั้นตลาดจะจับตาไปที่การรายงาน การขยายตัวของเศรษฐกิจจีน (GDP) ที่คาดว่าจะฟื้นตัว 9.6% ในไตรมาสที่ผ่านมา ถือเป็นการกลับมาขยายตัวขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และหมายความว่าครึ่งปีแรก เศรษฐกิจจีนหดตัวลงเพียงราว 2.4% เท่านั้น

ส่วนในฝั่งนโยบายการเงิน ในวันนี้ก็จะมีการประชุมของธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ที่คาดว่าจะ "ลด" ดอกเบี้ยลง25bps เหลือระดับ 4.00% ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะ "คง" นโยบายการเงินด้วยดอกเบี้ยเงินฝาก -0.50% และจะซื้อสินทรัพย์ตามนโยบาย Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) เฉลี่ยราว 2.6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนไปจนถึงอย่างน้อยปลายปี

อย่างไรก็ดี ฝั่งตลาดเงินดูจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับอัตราดอกเบี้ย หรือปริมาณเงินในระบบที่เพิ่มสูงขึ้นมากเท่าการควบคุมการระบาดของไวรัส สังเกตได้จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเดือน

ส่วนเงินบาท แม้แรงขายของนักลงทุนต่างชาติจะน้อยลง แต่ในอนาคตก็ยังต้องจับตาทิศทางการรับมือการระบาดของไวรัสรอบสองในประเทศไปพร้อมกับมุมมองการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งอาจเป็นแรงต้านกับตลาดทุนและเงินบาทในช่วงสั้น ถ้าสองปัจจัยนี้ไม่สามารถทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น