ท่องเที่ยวหวั่นโควิดรอบ2 ‘ไมเนอร์’ ปรับราคาเพิ่มทุนตุนเงินสด

ท่องเที่ยวหวั่นโควิดรอบ2   ‘ไมเนอร์’ ปรับราคาเพิ่มทุนตุนเงินสด

ท่ามกลางความกังวลใจการแพร่ระบาดโควิด -19 จะกลับมารอบ 2 หรือไม่ และมาตรการเข้มข้นที่ภาครัฐจะดำเนินการภายใน 14 วันจะต้องมีการซ้ำรอยล็อกดาวน์ ในส่วนไหนบ้าง ล้วนแต่สร้างความตื่นตะหนกให้กับธุรกิจท่องเที่ยวและซ้ำเติมสถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นไปอีก 

ก่อนหน้านี้ธุรกิจท่องเที่ยวถูกผลกระทบค่อนข้างหนักไประรอกใหญ่ จากการปิดสถานที่บริการไปถึง 3 เดือน และเมื่อเปิดให้บริการอีกครั้งยังต้องพึ่งพิงนักท่องเที่ยวในประเทศ ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติแทบจะกลายเป็นศูนย์

สอดคล้องกับในช่วงนี้ที่มาตรการภาครัฐ ‘เราไปเที่ยวด้วยกัน ‘ ให้ประชาชนคนไทยลงทะเบียนรับสิทธิส่วนลดค่าที่พัก ค่าตั๋วเครื่องบิน เพื่อกระตุ้นให้ออกไปท่องเที่ยวจากที่คาดว่าจะคึกคักและมียอดจองลงทะเบียนเต็มตั้งแต่ชั่วโมงแรก กลับกลายเป็นประชาชนเริ่มไม่มั่นใจว่าการออกไปท่องเที่ยวจะมีความเสี่ยงหรือไม่

ธุรกิจโรงแรมรายใหญ่ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เผชิญมรสุมไม่น้อย เพราะนอกจากจะมีธุรกิจโรงแรมในประเทศในต่างประเทศภายใต้การลงทุนเป็นเจ้าของและบริหาร 158 แห่งใน 26 ประเทศ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

และยังมีธุรกิจอาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าก็ต้องหยุดให้บริการหันไปเน้นเดลิเวอร์รี่แทน กระทบฐานรายได้ธุรกิจโรงแรมมีสัดส่วน 55 % ธุรกิจอาหาร 38% และธุรกิจไลฟ์สไตล์ ประมาณ 7 % ซึ่งทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารจึงถูกกระทบพร้อมๆกันจากล็อกดาวน์ที่ผ่านมา

ด้านผู้บริหารจึงประกาศปรับแผนการดำเนินธุรกิจมาเป็นการลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย การรักษาฐานะทางการเงินให้แข็งแกร่ง และการปรับแผนของกลุ่มธุรกิจทั้ง 3 ของบริษัทให้สอดคล้องกับสถานการณ์

พร้อมกันนี้ได้มีการประกาศเพิ่มสภาพคล่องด้วยการเพิ่มทุนรอบใหม่และขอวงเงินออกหุ้นกู้ในอนาคต ทำให้คาดการณ์ว่าเม็ดเงินที่ MINT จะตุนเป็นสภาพคล่องจะอยู่ที่ 25,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการเจรจากับเจ้าหนี้ในการขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้ ซึ่งทำให้บริษัทได้ตั้งเงื่อนไขเพื่อสร้างความมั่นใจกับเจ้าหนี้ ได้แก่ การลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง ซึ่งจะต้องไม่ทำ M&A มากกว่า 3% ของมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมด และไม่ก่อหนี้เพิ่มมากว่า 1.5 แสนล้านบาทต่อไตรมาส

ส่วนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระคืนในช่วงครึ่งปีหลัง จำนวน 3,600 ล้านบาท บริษัทได้มีการเจรจากับธนาคารพาณิชย์ในการให้วงเงินสินเชื่อเพื่อนำมาชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด

ล่าสุดทาง MINT ได้ประกาศปรับราคาหุ้นเพิ่มทุนใหม่ เป็นการลดลง จากเดิม 18.90 บาทต่อหุ้น เป็น 17.50 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นการปรับลดลง 7.4 % หรือคิดเป็นเม็ดเงินลดลง 787 ล้านบาท จากจำนวนหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) 563 ล้านหุ้น และยังคงอัตราเสนอขายเดิมที่ 8.2 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่

ส่งผลทำให้มีการปรับราคาการใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญภายใต้ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 6 (MINT-W6) เป็นราคาใช้สิทธิ 41.878บาทต่อหุ้น จากเดิม 43.00 บาทต่อหุ้นและอัตราการใช้สิทธิเป็น 1 หุ้นสามัญต่อ 1.027 หน่วย จากเดิม 1 หุ้นสามัญต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1.00 หน่วย

การปรับราคาใช้สิทธิในครั้งนี้บริษัทระบุเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัททุกราย หากในอีกมุมก็มองได้ว่าในช่วงธุรกิจท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวเร็ววันและอาจจะขาดทุนยาวถึงปี 2564 ทำให้ต้องปรับราคาใช้สิทธิและเพิ่มส่วนลดให้กับนักลงทุน

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน ระบุมุมมองต่อการปรับราคาใช้สิทธิในครั้งนี้จากราคาเพิ่มทุนใหม่ที่ 17.50 บาทต่อหุ้น ทำให้ MINT ได้เงินจากการเพิ่มทุนเหลือ 9.86 พันล้านบาท เทียบกับราคาเพิ่มทุนเดิมที่ 18.90 บาทต่อหุ้น MINT จะได้เงิน 1.06 หมื่นล้านบาท คิดเป็นการลดลงราว 790 ล้านบาท

การปรับราคาเพิ่มทุนเป็นไปตามเงื่อนไขเดิมที่ MINT แจ้งไว้ก่อนหน้าว่าการปรับราคาจะไม่เกินกว่า 10% ตามความเหมาะสมของภาวะตลาด โดยการเพิ่มทุนครั้งนี้ มองว่าจะช่วยบรรเทาฐานะทางการเงินของ MINT ดีขึ้น คาด IBD/Equity ลดลงจาก 1.54x เหลือ 1.37x (debt covenant ที่ 1.75x) ขณะที่คาด price dilution ราว -1% (คำนวณจากราคาปิดวานนี้) และ EPS dilution ราว -11%