รีบาวด์ตามปัจจัยต่างประเทศ แต่ทางขึ้นยังคงมีจำกัด

รีบาวด์ตามปัจจัยต่างประเทศ แต่ทางขึ้นยังคงมีจำกัด

คาดว่าการฟื้นตัวของ SET Index ยังมีจำกัด ด้วยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นบ้างต่อภาวะการติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศไทย รวมทั้งทิศทางผลประกอบการไตรมาส 2/2563

KGI ประเมิน SET Index วันพุธฟื้นตัว หนุนโดยการแรลลี่ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ข่าวดีเรื่องวัคซีน และความหวังต่อตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ดีกว่าคาด... ขณะที่เมื่อวานนี้ ดัชนีฯ เทรดในแดนลบแต่ลงไม่แรง ตามแรงกดดันจากเคสติดเชื้อ 2 เคสในไทยที่อาจส่งผลในวงกว้างมากขึ้น (ตามคาด)... ขณะที่ในวันนี้ปัจจัย
ต่างประเทศเป็นบวกมากขึ้น ได้แก่ i) ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐฯ เริ่มรายงานงบไตรมาส 2/2563 โดยเมื่อวานนี้ เจพี มอร์แกน และซิตี้กรุ๊ป ต่างรายงานกำไรสุทธิสูงกว่าที่ consensus คาดการณ์แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะอยู่ในช่วงถดถอยก็ตาม ii) บ.โมเดอนา อิงก์ ชี้ว่าผลการทดสอบวัคซีนในขั้นแรกชี้ว่าอาสาสมัครจำนวน 45 คน มีภูมิคุ้มกันขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง และทางบริษัทจะทำการทดสอบขั้นถัดไปกับอาสาสมัครจำนวน 30,000 คนในช่วงปลายเดือน ก.ค. นี้... ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าประเด็นเรื่องวัคซีนดังกล่าว ผนวกกับมุมมองของนักลงทุนว่าตัวเลข GDP ประเทศจีนที่จะรายงานในวันที่ 16 ก.ค. จะเติบโตได้ YoY นั้น น่าจะหนุนแรงเก็งกำไรกลับเข้าสู่หุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก (global cyclical) ในช่วงสั้นๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงมุมมองว่าเรื่องยาและวัคซีน COVID-19 ยังไม่ชัดเจนพอที่จะพลิกทิศทางหลักของตลาดหุ้นได้ คาดว่าการฟื้นตัวของ SET Index ยังมีจำกัด ด้วยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นบ้างต่อภาวะการติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศไทย รวมทั้งทิศทางผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ซึ่งโดยภาพรวมแล้วน่าจะอ่อนแอและอาจนำไปสู่การปรับลดประมาณการ EPS ของตลาดหุ้นไทยอีกครั้งในช่วงเดือน ส.ค. นี้

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 

เก็งกำไร CPF*, JMART, EA*

- CPF* (เป้าพื้นฐาน 38 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 33 บาท / แนวต้าน ±35 บาท หากผ่านได้แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 32 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯประเมินแนวโน้มกำไร 2Q63 โต +128.5% YoY แต่ลดลง -8.8% QoQ เป็น 4.3 พันล้านบาท โดยคาดกำไรที่โตเด่น YoY เป็นผลจากราคาหมูที่เวียดนามฟื้นตัวแรง แต่กำไรคาดลดลง QoQ เพราะผลกระทบจากโควิด-19 3) ขณะที่เรายังคงประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q63 จะโตเด่นต่อเนื่องจาก i) ราคาเนื้อหมู + ไก่ ที่ฟื้นตัว ii) ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า iii) การส่งออกเริ่มฟื้นตัว ... ติดตามอ่านราคาเนื้อสัตว์ในบทวิเคราะห์ Weekly Agricultural วันนี้

- JMART (เป้า Consensus 15 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 11.7 บาท / แนวต้าน 13.0 บาท (Trailing stop 11.0 บาท) 2) Consensus ปรับประมาณการฯและราคาเป้าหมายขึ้นตามคาดจากแนวโน้มผลการดำเนินงาน บ.ลูก SINGER และ JMT* ที่จะดีกว่าคาด + 5G หนุนยอดขายสมาร์ทโฟนให้ฟื้นใน
2H63 3) ราคาหุ้น Laggard ทั้ง บ.ลูก (SINGER, JMT*) โดยจากราคาปิดล่าสุด Market cap JMART discount การถือหุ้น SINGER และ JMT* ตามสัดส่วนการถือหุ้นถึง -27% (Market cap JMART = 1.08 หมื่นล้านบาท / มูลค่า SINGER + JMT ตามสัดส่วนการถือหุ้น = 1.48 หมื่นล้านบาท)

- EA* (เป้า Consensus 52.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 47.5 บาท / แนวต้าน 49.5 บาท หากผ่านได้ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไป 52 บาท (Stop loss 45 บาท) 2) ประเมินผลการดำเนินงานธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 3) เตรียมปลดล๊อกธุรกิจโรงงานผลิตแบตเตอรี่ จากการเข้าลงทุนในหุ้น NEX (ประกอบรถบัส EV) หลังที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติอนุมัติการเพิ่มทุนโดย บ.ย่อยของ EA* จะเข้าถือหุ้นใน NEX 40% ... NEX แนวรับ 4.4 บาท / แนวต้าน 5.0 - 5.25 บาท (Stop loss 4.2 บาท)

หุ้นมีข่าว

(0) MINT*: แจ้งปรับลดราคาเสนอขายหุ้นสามัญออกใหม่จากเดิม 18.90 บาทเป็น 17.50 บาท MINT* ได้ปรับลดราคาการเสนอขายหุ้น Rights Offering จากเดิม 18.90 บาท เป็น 17.50 บาท (XR: 26 มิถุนายน 2563 และมีกำหนดวันชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นตั้งแต่วันที่ 17-23 กรกฎาคม 2563) อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนการจัดสรรยังคงเดิมที่ 8.2 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญที่ออกใหม่ (คิดเป็นจำนวนทั้งหมด 563 ล้านหุ้น หรือ เกิด dilution 11%) - Comment: แม้ว่าการปรับราคาเสนอขาย Right Offering จะทำให้ MINT* ได้รับเงินเพิ่มทุนน้อยลงจากเดิม 10,640 ล้านบาท เหลือ 9,853 ล้านบาท เรามีมุมมองเป็นกลางต่อผลกระทบดังกล่าวเนื่องจากราคาที่ถูกปรับลงอาจทำให้ความสำเร็จในการเพิ่มทุนเพิ่มมากขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอน ขณะที่ D/E ในประมาณการของเราจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ (คาด D/E ณ สิ้นที่ 2563 ที่ 1.40x เปรียบเทียบกับ Debt covenant ที่1.75x)

(- PLANB) วานนี้ (14 ก.ค 2563) คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวง สำหรับการปรับขึ้นภาษีป้าย 1) จาก 3บาท /500 ตร.ซม เป็น 5บาท /500 ตร.ซม สำหรับป้ายที่มีแต่อักษรไทย 2) จาก 20 บาท /500 ตร.ซม เป็น 26บาท /500 ตร.ซม สำหรับป้ายที่มีอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศ และ/หรือ
ปนกับภาพ หรือเครื่องหมายอื่น 3) จาก 40 บาท /500 ตร.ซม เป็น 50 บาท /500 ตร.ซม สำหรับป้ายที่ไม่มีอักษรไทย หรือมีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้ง หมดต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ 4) ป้ายอื่นคิด 1,010บาท /ตรม. (Source : อินโฟเควส) ประเด็นนี้เป็นลบต่อผู้ประกอบการสื่อนอกบ้าน (OOH) รวมทั้ง PLANB แต่อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่มีต่อ PLANB ไม่มากนัก เป็นเพราะ i) ป้ายส่วนใหญ่ของบริษัทเข้าข่ายแบบที่ 2 และ 3 ii) ที่ผ่านมาบริษัทจ่ายภาษีป้ายในปี 2561 - 2562 ราว 40 - 41 ล้านบาท/ปี หรือคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% ของรายได้ และ iii) คาดต้องจ่ายภาษีป้ายเพิ่มจากหลักเกณฑ์นี้ราว 11 - 12 ล้านบาท/ปี หรือจ่ายเพิ่มเพียง 0.2% - 0.3% ของรายได้ ดังนั้น เราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับหุ้น PLANB (ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 7.80 บาท)

(+) ลดค่าต๋งกองทุนฟื้นฟู ปลุกหุ้นแบงก์ระยะสั้น นำส่งต่ำกว่า 0.23% โบรกฯชี้กดหนี้เสียช้าลง(ข่าวหุ้น) “วิรไท” ผู้ว่าการ ธปท. ส่งสัญญาณแบงก์พาณิชย์ปรับลดเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF ลงอีกจากปัจจุบันอยู่ที่ 0.23% ของฐานเงินฝาก หวังช่วยต้นทุนทางการเงินและเข้าไปอุ้มลูกหนี้ ด้านโบรกฯ มองเป็น
ผลดีต่อหุ้นกลุ่มแบงก์ ช่วยทำให้หนี้เสียลดลง หรือช้าลง ขณะที่หุ้นแบงก์วานนี้ต่างพลิกกลับมาเป็นบวกในช่วงปิดตลาดภาคบ่าย ทั้ง KBANK* SCB* และ KTB*

(- กลุ่มโรงไฟฟ้า / กลุ่มธุรกิจเอทานอล KSL, KTIS, TAE) จ่อปรับแผนพีดีพีฉบับใหม่ วิกฤตโควิดทำยอดใช้ไฟดิ่ง (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) กระทรวงพลังงานเตรียมข้อมูลรอบด้าน เกาะติดการใช้พลังงานหลังโควิด-19 กระทบยอดใช้พลังงานโลก หดตัวสูงสุดรอบ 70 ปี ขณะที่ไทยจ่อปรับแผนพลังงานใหม่หมด เล็งปรับพีดีพีฉบับใหม่ไตรมาส 4 ปีนี้นำร่อง ด้านกรมธุรกิจพลังงานรับเลื่อนประกาศ E20 เป็นน้ำมันพื้นฐาน 1 ต.ค. 63 ออกไป

(+) 'เราเที่ยวด้วยกัน'อัด 5 หมื่นล. ดีเดย์ลงทะเบียนวันนี้ MINT*-AOT*-AAV* ขานรับ (ข่าวหุ้น) ดีเดย์ลงทะเบียน “เราเที่ยวด้วยกัน” วันนี้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ 5 หมื่นล้าน กลุ่มโรงแรมระดับหรูรับทรัพย์รัฐหนุนคืนละ 3 พันบาท แต่ไม่เกิน 5 ล้านคืน พร้อมเงินติดกระเป๋าคืนละ 600 บาท ค่าตั๋วเครื่องบิน 1 พัน
บาทต่อที่นั่ง ไม่เกิน 2 ล้านใบ ส่งผลดี MINT*, CENTEL* ส่วนหุ้นสายการบินได้แก่ AAV* รวมทั้ง AOT*

(+ SAMART) คลังรีดภาษีเบียร์ รับเพิ่มอีก 8 พันล. (ข่าวหุ้น) นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมฯ ตั้งเป้าหมายนำระบบเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีบนบรรจุภัณฑ์ (ไดเร็กต์โคดิง) มาเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเบียร์กระป๋องและเบียร์ขวดในโรงงานผลิตเบียร์ทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศภายในต้นปี 2564 เพื่อทดแทนระบบการเก็บภาษีเดิมที่เก็บจากจำนวนสินค้าออกจากหน้าโรงงาน โดยมีระบบโฟลว์มิเตอร์ ซึ่งติดตั้งอยู่ในสายการผลิตช่วยสอบทานเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าระบบใหม่จะทำให้กรมฯ มีรายได้การเก็บภาษีเบียร์สูงขึ้น 8,000 ล้านบาท