‘สหรัฐ’ ล้มแผนห้าม นศ.ต่างชาติเรียนออนไลน์อย่างเดียว

‘สหรัฐ’ ล้มแผนห้าม นศ.ต่างชาติเรียนออนไลน์อย่างเดียว

“สหรัฐ” ยอมล้มแผนห้าม นักศึกษาต่างชาติเรียนออนไลน์อย่างเดียว หลังฝ่ายค้านเล็งฟ้องศาล

รัฐบาลสหรัฐ ยอมล้มเลิกนโยบายห้ามนักศึกษาต่างชาติที่ศึกษาในหลักสูตรออนไลน์อย่างเดียวพำนักอยู่ในสหรัฐแล้ว หลังจากที่หลายฝ่ายออกโรงคัดค้าน และเตรียมเดินหน้าฟ้องร้องศาล เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับนักศึกษาที่รับผลกระทบ

การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นในเวลาเพียงกว่าสัปดาห์ หลังจากที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐประกาศว่า นักศึกษาในสถาบันการศึกษาที่หันไปสอนเฉพาะในหลักสูตรออนไลน์อย่างเดียว จากปัญหาการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จะต้องออกไปจากประเทศ หรือไม่ก็ย้ายไปเรียนหลักสูตรอื่นที่ไม่ได้สอนทางออนไลน์อย่างเดียว

แหล่งข่าวบอกว่า การตัดสินใจล้มนโยบายนี้มีขึ้นหลังจากที่ทำเนียบขาวมีความรู้สึกถึงผลสะท้อนกลับของข้อเสนอในเรื่องนี้ และเชื่อว่ามันจะดำเนินการได้อยากและไม่ได้รับการยอมรับ สำหรับสิ่งที่จะมาชดเชยในเรื่องนี้ก็คือ การหันไปมุ่งเน้นที่การรับนักศึกษาใหม่ แทนการมุ่งเน้นมาที่นักศึกษาที่อยู่ในสหรัฐอยู่เดิมแล้ว

ข่าวเรื่องนี้สร้างความเบาใจให้กับนักศึกษาต่างชาติประมาณล้านคนที่เล่าเรียนอยู่ในสหรัฐ โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกเขาต่างก็รู้สึกผิดหวังและวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง ในช่วงที่บรรดาสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ประกาศที่จะปรับเปลี่ยนหลักสูตรให้เป็นออนไลน์ ซึ่งก็รวมถึงมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ได้ยื่นฟ้องร้องรัฐบาลสำหรับนโยบายใหม่นี้ พร้อมกับสถาบันเอ็มไอที และอื่นๆ

เดวิด ลีบรอน ประธานมหาวิทยาลัยไรซ์ เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจหลังจากที่ทราบข่าวเรื่องการตัดสินใจถอยของฝ่ายรัฐบาล โดยเขามองว่านโยบายเดิมนั้นโหดร้าย เข้าใจผิด และไม่เป็นประโยชน์กับทางมหาวิทยาลัย นักศึกษาและสหรัฐ

ขณะที่ตัวนักศึกษาเองก็เตรียมตัวสำหรับความเป็นไปได้ ในการเดินทางออกจากสหรัฐ หรือย้ายไปเรียนในสถาบันที่นำเสนอหลักสูตรผสมออนไลน์ หรือเรียนแบบส่วนตัว แต่เมื่อรัฐบาลถอยจากเรื่องนี้ ก็รู้สึกผ่อนคลายลง

มีรายงานว่า ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐได้ออกแนวทางใหม่สำหรับนักศึกษาต่างชาติ เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา เดิมออกวีซ่าให้กับนักศึกษาต่างชาติเป็นเรื่องที่ยากอยู่ ก็จะยิ่งยากขึ้นไปอีกเมื่อมีการห้ามออกวีซ่าสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่เรียนออนไลน์แต่เพียงอย่างเดียว แต่ก็มีการผ่อนปรนสำหรับคนที่จะหันไปเรียนในหลักสูตรผสมออนไลน์ และหลักสูตรเรียนส่วนตัว

อย่างไรก็ตาม นายเคน คุกชิเนลลี รักษาการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ยังยืนยันแนวทางรัฐบาลว่า ถ้าสถาบันการศึกษาไม่เปิด หรือถ้าหันไปใช้ระบบออนไลน์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อนั้น สหรัฐก็ไม่หวังว่าผู้คนจะมาอยู่ที่นี่