“ทุเรียนโมเดล”สมดุลแห่งน้ำ งานวิจัยเพื่ออนาคตอีอีซี

“ทุเรียนโมเดล”สมดุลแห่งน้ำ   งานวิจัยเพื่ออนาคตอีอีซี

วช. ผนึก สกสว.ศึกษาความต้องการน้ำเพื่อการเกษตร รองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ชี้เกษตรกรแห่ปลูกทุเรียนใช้น้ำเกินความจำเป็น

การวิจัยเพื่อสร้างสมดุลการใช้น้ำ นับเป็นความก้าวหน้าทางวิชาการที่น่าจับตา เพราะเป็นคำตอบของโจทย์ใหญแห่งอนาคตว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งพบว่า ภาคการเกษตรเป็นกลุ่มที่มีการใช้น้ำมากที่สุด อย่างกรณี “ทุเรียน”ที่ปลูกกันมากใน พื้นที่ภาคตะวันออก ประมาณ 350,000 ไร่ โดยเฉพาะ จ.ระยอง มีพื้นที่ปลูกทุเรียนกว่า 40,000-50,000 ไร่ และยังมีการขยายตัวมากขึ้นต่อเนื่อง

เมื่อมองกลับมาที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในพื้นที่ 3 จังหวัด (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง) มีการประเมินว่าเมื่อพัฒนาโครงการอย่างเต็มรูปแบบแล้วในอีก 20 ปีข้างหน้า หรือปี 2580 คาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำในพื้นที่จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี นั่นหมายความว่า อาจเกิดวิกฤติขาดแคลนน้ำ และเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างภาคการผลิตและภาคการเกษตรได้

จากการ “ศึกษาปริมาณความต้องการน้ำเพื่อการเกษตรภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมเพื่อการรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก” หนึ่งในแผนงานวิจัยเพื่อการพัฒนาบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) ด้านสังคม แผนการบริหารจัดการน้ำ ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) 

ร่วมจัดทำขึ้น เพื่อรองรับความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ มีเป้าหมายเพื่อปรับพฤติกรรมการประหยัดน้ำ หรือลดการใช้น้ำต้นทุนลงอย่างน้อย 15% ในพื้นที่ EEC โดยโครงการฯ เน้นการทำวิจัยด้วยกัน 2 ส่วน คือ การสำรวจเก็บข้อมูลชนิดพืชและปริมาณความต้องการน้ำในภาคตะวันออก โดยคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลกระทบในอนาคต และศึกษาการปลูกและการใช้น้ำที่แท้จริงของทุเรียน

ทรงศักดิ์ ภัทราวุฒิชัย จากภาควิชาวิศวกรรมชลประทาน คณะวิศวกรรมศาสตร์ กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า การทดลองนี้ถือเป็นครั้งแรก เพื่อต้องการพิสูจน์ให้เห็นจริงว่า ทุเรียนไม่ได้ต้องการน้ำปริมาณมาก แค่ให้น้ำอย่างพอดี คุณภาพทุเรียนก็ยังคงเหมือนเดิม

 “จากการสัมภาษณ์ว่าเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนส่วนใหญ่ให้น้ำต้นทุเรียนมากกว่าความต้องการใช้น้ำของพืช เพราะผู้รับซื้อทุเรียน (ล้งจีน) เชื่อว่ายิ่งให้น้ำมากผลผลิตทุเรียนจะมีคุณภาพมาก ซึ่งเป็นความเชื่อที่เกิดจากมโนคติกลัวความผิดพลาด"

วิธีการผลิตทุเรียนในภาคตะวันออก เกษตรกรจะมีช่วงเวลาทำงานตั้งแต่เดือนพ.ย.- เม.ย. (ระยะเวลา 6 เดือน) โดยในช่วงแรกหลังการงดน้ำทำดอก ระหว่างเดือนพ.ย.-ม.ค. ชาวสวนทุเรียนทั่วไปนิยมให้น้ำอยู่ที่ปริมาณ 150 ลิตรต่อต้นต่อวัน และเพิ่มขึ้นเป็น 200-300 ลิตรต่อต้นต่อวันในช่วง 3 เดือนหลังระหว่างเดือนก.พ.- เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่ผลทุเรียนมีขนาดเท่ากระป๋องนมจนถึงผลโตเต็มที่พร้อมเก็บเกี่ยว 

อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบการใช้น้ำของต้นทุเรียน พบว่า ความต้องการใช้น้ำของทุเรียนหนึ่งต้นใช้น้ำไม่ถึง 100 ลิตรต่อวันในช่วง 3 เดือนแรก และไม่เกิน 150 ลิตรต่อต้นต่อวันในช่วง 3 เดือนหลัง จึงได้ทดลองให้น้ำวันละ200 ลิตรต่อต้นต่อวัน พบว่าผลผลิตที่ได้มีปริมาณและคุณภาพดี จึงเป็นการยืนยันว่าปริมาณน้ำที่ให้ลดลงไม่ได้ส่งผลต่อคุณภาพของทุเรียนแต่อย่างใด

159473128914 การวิจัยดังกล่าว ทางคณะผู้วิจัยใช้พื้นที่สวนปฐพี ตำบลท่าพริก อำเภอเมือง จังหวัดตราด ในการทดสอบการใช้น้ำของต้นทุเรียน ทั้งนี้จากการนำเครื่องมือ sap flow ติดตั้งที่ลำต้นของทุเรียน เพื่อวัดการใช้น้ำผ่านท่อลำเลียงน้ำ (xylem) โดยการวัดความต่างศักย์ไฟฟ้าเพื่อวัดอัตราการไหลของน้ำในลำต้นช่วงเวลาต่างๆ และมีการจัดการเก็บข้อมูลทุกสัปดาห์ นอกจากจะได้ปริมาณตัวเลขยืนยันความต้องการน้ำที่แท้จริงของต้นทุเรียนแล้ว ยังพบความน่าสนใจในเชิงสรีรวิทยาของพืชทำให้ได้รู้ช่วงเวลาที่ทุเรียนต้องการใช้น้ำ กี่โมงถึงกี่โมง และช่วงเวลาไหนที่ไม่ต้องการ

“การใช้น้ำของสวนทุเรียนต้นแบบในพื้นที่ 10 ไร่ ช่วง 6 เดือนของการปลูกทุเรียน ปริมาณน้ำที่ใช้ทั้งหมด 4,152 ลูกบาศก์เมตร ลดลงจากวิธีการเดิมที่มีการใช้น้ำ 6,576 ลูกบาศก์เมตร ชี้ให้เห็นว่าการให้น้ำ 200 - 300 ลิตรต่อต้นต่อวันของเกษตรกรที่ผ่านมาทำให้เสียน้ำไปกับการระเหยที่ไม่เป็นประโยชน์ ดังนั้นด้วยวิธีการนี้จะทำให้ชาวสวนทุเรียนสามารถลดการใช้น้ำลงได้ถึง 35-40% มากกว่าเป้าหมายที่โครงการกำหนดไว้

ทั้งนี้ ยังมีประเด็นที่ต้องพิจารณาต่อไปคือ จะมีเกษตรกรปรับพฤติกรรมลดการใช้น้ำของต้นทุเรียนลงมากน้อยแค่ไหนเพราะทุเรียนเป็นพืชที่มีมูลค่าสูงอาจทำให้ไม่กล้าเสี่ยง

เบื้องต้น ทางคณะวิจัยเตรียมนำข้อค้นพบที่ได้ไปสร้างความเข้าใจกระบวนการการใช้น้ำของต้นทุเรียนและถ่ายทอดเทคนิคองค์ความรู้ไปสู่กลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่จังหวัดระยอง

บัญชา ขวัญยืน ในฐานะหัวหน้ากลุ่มแผนงานเพื่อการพัฒนาบริหารจัดการน้ำในเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำให้เกิดความสมดุลจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC วิธีการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างยั่งยืน คือ ต้องลด demand และสร้างสมดุลการใช้น้ำในพื้นที่ ซึ่งทุกภาคส่วนจะต้องลดการใช้น้ำลงทั้งหมดขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจพฤติกรรมการใช้น้ำด้วย

“การนำเทคโนโลยีเข้ามาพิสูจน์ให้เห็นในเชิงประจักษ์ เริ่มจากพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ดี แต่ใช้น้ำมากที่สุด คือ “ทุเรียน” ซึ่งที่ผ่านมาเกษตรกรใช้น้ำเต็มที่เพราะเป็นพืชมีมูลค่าสูง เพื่อตอกย้ำว่าสิ่งที่เราพูด สามารถลดการใช้น้ำได้จริง และยังคงคุณภาพผลผลิตได้เหมือนเดิม และตั้งเป้าปีหน้าจะทำการทดลองกับ “มังคุด”เป็นลำดับต่อไป”

ที่ผ่านมา น้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนมากถูกจัดสรรเพื่อภาคการเกษตร แต่ต่อไปนี้น้ำไม่ได้เพื่อการเกษตรอย่างเดียว แต่ต้องใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค การบริการ การอุตสาหกรรม และเพื่อรักษาระบบนิเวศ ทุกอย่างต้องไปด้วยกัน