‘ไมเนอร์ฯ’ ลุยต่อยอดบริการ ยึดการ์ด ‘สุขอนามัย’ สู้โควิดรอบ2

‘ไมเนอร์ฯ’ ลุยต่อยอดบริการ  ยึดการ์ด ‘สุขอนามัย’ สู้โควิดรอบ2

หนึ่งในความท้าทายของธุรกิจโรงแรมช่วงครึ่งปีหลัง หนีไม่พ้นการผลักดัน “อัตราเข้าพัก” ให้ถึงเป้าหมายเพื่อกู้คืนรายได้กลับมาบางส่วน หลังผู้ประกอบการทยอยเปิดให้บริการกันอีกครั้งเมื่อมีการคลายล็อคดาวน์

ภายใต้สถานการณ์ที่ยังได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบ 2 ทั่วโลก บางรายลุยต่อยอดบริการในกลุ่มที่มีศักยภาพระยะยาว

โทมัส ไมเออร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ (เอเชีย) ของกลุ่มไมเนอร์ โฮเทลส์ ในเครือไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯยังคงรุกต่อยอดธุรกิจท่องเที่ยวและบริการเพิ่มเติม เสริมพอร์ตโรงแรมในเครือไมเนอร์ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนทั้งหมด 535 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพักรวมมากกว่า 80,000 ห้องใน 56 ประเทศทั่วโลก

ด้วยการจับมือกับพันธมิตรเลส์ โรชส์ (Les Rochesสถาบันอุดมศึกษาเอกชนด้านการบริหารจัดการธุรกิจบริการที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อก่อตั้ง AIHM หรือ Asian Institute of Hospitality Management, in Academic Association with Les Roches Global Hospitality Education ในประเทศไทย มีวิทยาเขต 2 แห่งในกรุงเทพฯและพัทยา เตรียมเปิดราวเดือน ต.ค.นี้

อีกบริการที่ลุยต่อยอดคือด้านสุขภาพ หลังกลุ่มโรงแรมอนันตราร่วมมือกับเวอริตา เฮลธ์แคร์ กรุ๊ป ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงค์โปร์ เพื่อขยายธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้เติบโตทั้งในประเทศไทยและในแถบเอเชียแปซิฟิก โดยเตรียมเปิดศูนย์บริการสุขภาพ (Wellness Center) เวอริตา ที่อนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังเปิด เวอริตา ที่อนันตรา สยาม ภายในปีนี้ด้วย ด้านโครงการอื่นๆ บริษัทฯได้ดึงแบรนด์ VLCC มาเปิดที่อวานีพลัส หัวหิน และ Clinique La Prairie ที่เซ็นต์ รีจิส กรุงเทพฯ

ส่วนธุรกิจหลักอย่างโรงแรม ยังคงเดินหน้าโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและเปิดให้บริการโครงการใหม่ เช่น แบรนด์อนันตรา ที่ดับลิน ไอร์แลนด์, อูบุด อินโดนีเซีย และในยุโรปที่กรุงโรม บูดาเปสต์ และนีซ ขณะที่แบรนด์อวานี มีที่เกาะลันตาและเขาหลักในไทย รวมถึงที่เวียดนามและมัลดีฟส์

โทมัส กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากวิกฤติโควิด-19 ระบาดเป็นวงกว้างทั่วโลก ทำให้เครือไมเนอร์ฯ ต้องปิดให้บริการโรงแรมชั่วคราวในทุกภูมิภาคมากถึง 75% ในช่วงพีค กระทั่งสถานการณ์คลี่คลายดีขึ้นในหลายๆ ประเทศจนสามารถกลับมาทยอยเปิดให้บริการได้อีกครั้ง

โดยโรงแรมในไทยปัจจุบันกลับมาเปิดรวม 18 แห่งจากที่มีทั้งหมด 29 แห่ง อัตราเข้าพักเฉลี่ยยังค่อนข้างน้อย แน่นอนว่าต้องรุกตลาดไทยเที่ยวไทยในช่วงนี้ ด้วยการเข้าร่วมมาตรการเที่ยวปันสุขของรัฐบาล ขายห้องพักผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันซึ่งจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์เพื่อจองห้องพักในวันนี้ (15 ก.ค.) หลังจากรัฐบาลได้ผ่อนคลายล็อคดาวน์ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวไทยโหยหาการท่องเที่ยวมากขึ้น

ส่วนที่เหลืออีก 11 แห่งในไทยยังต้องปิดให้บริการอีกสักระยะ เพราะเป็นโรงแรมที่มีลูกค้าหลักเป็นกลุ่มจัดประชุมสัมมนาขนาดใหญ่และนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเรื่องทราเวลบับเบิล

“แม้ขณะนี้จะมีความกังวลเรื่องการระบาดของโรคโควิด-19 รอบ 2 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ไมเนอร์ยังคงเดินหน้าทำการตลาด ยึดมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของธุรกิจท่องเที่ยวในยุคโควิดเพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง”

ก่อนหน้านี้ วิลเลียม ไฮเน็ค ประธานกรรมการ ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ขณะที่ประเทศต่างๆ คลายล็อคดาวน์อย่างค่อยเป็นค่อยไป การท่องเที่ยวภายในประเทศจะฟื้นกลับมาก่อน ตามด้วยการท่องเที่ยวเชิงภูมิภาคซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมในเครือไมเนอร์ ด้วยบรรยากาศที่มีเอกลักษณ์ของแต่ละแห่ง โดยผู้เข้าพักโรงแรมในเครือที่ยุโรปและเอเชียเป็นคนในท้องถิ่น 60% ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์ต่างๆ ได้แก่ อนันตรา, อวานี, โอ๊คส์, เอ็ม คอลเลคชัน, เอ็นเอช คอลเลคชัน, เอ็นเอช โฮเทลส์, เอ็นฮาว, ทิโวลี, เอเลวาน่า รวมถึงแบรนด์ของเชนรับบริหารโรงแรมอื่นๆ อย่างแมริออท, โฟร์ซีซั่นส์, เซ็นต์ รีจิส และเรดิสัน บูล

อีกบทเรียนที่สำคัญเป็นหนึ่งในหัวใจของธุรกิจ คือ การกระจายการลงทุน หากเกิดอุปสรรคทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง บริษัทที่ดำเนินกิจการอยู่ในอุตสาหกรรมนั้นๆ ก็จะประสบปัญหาอย่างหนัก”

เช่นเดียวกับธุรกิจที่มีฐานอยู่ในภูมิภาคเดียว หากภูมิภาคนั้นประสบปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเมือง หรือภัยธรรมชาติ ก็จะกระทบการดำเนินงานทั้งหมด แต่หากบริษัทกระจายกิจการไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ และหลายภูมิภาค บริษัทก็จะยังมีรายได้เข้ามา สามารถดำเนินธุรกิจเป็นส่วนๆ ต่อไปได้ เป็นการลดความเสี่ยง ควบคุมความสูญเสียที่อาจเกิดจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ