ตั้งจุดตรวจ-ชุดเคลื่อนที่เร็ว คุมลักลอบแรงงานต่างด้าวเข้าเมือง

ตั้งจุดตรวจ-ชุดเคลื่อนที่เร็ว คุมลักลอบแรงงานต่างด้าวเข้าเมือง

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ประชุมศูนย์ปฎิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินความมั่นคง สั่งกำชับกวดขัน มาตรการตรวจร่วม รวมถึงชุดเคลื่อนที่เร็ว 2 พันกว่าชุด เน้นลักลอบนำแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 14 กรกฎาคม พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เรียกประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครั้งที่ 47/2563 โดยการประชุมครั้งนี้มีการรายงานผลปฏิบัติจำนวนจุดตรวจ ชุดเคลื่อนที่เร็ว และผลการจับกุม รายงานผลการจับกุมชุมนุมมั่วสุมเฉพาะในเคหะสถาน รายงานผลการตรวจร่วมสถานประกอบการ ผลการดำเนินการในการแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 191 1599 และPolice I Lert U และรายงานผลการจับกุมคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า ทางตำรวจมีการประชุมสถานการณ์เรื่องดังกล่าวกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการควบคุมในประเทศถือว่ายังไม่มีการแพร่ระบาดแต่อย่างใด จะมีมาตรการจะเข้มข้นขึ้นในการตรวจร่วม ในระยะที่ 5 ที่มีสถานประกอบการ สถานบริการ ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะไม่มีเคอร์ฟิว แต่ก็ยังมีจุดตรวจในเวลากลางวันและกลางคืนอยู่ 2 พันกว่าจุด ตลอดจนชุดเคลื่อนที่เร็ว 2พันกว่าชุด โดยจะมุ่งเน้นในเรื่องของการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน ทางตำรวจได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จนสามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวได้กว่า 3พันกว่าราย ทั้งที่แนวชายแดน ตำรวจภูธรภาค5 ตำรวจภูธรภาค6 ตำรวจภูธรภาค7 ตลอดจนชั้นใน ตำรวจภูธรภาค1 ล่าสุดสามารถจับกุมขบวนการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาจำนวนมาก ได้ที่ตลาดไท จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นผลงานของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกับตำรวจท้องที่ ทั้งนี้ในแนวชายแดนตำรวจจะทำงานร่วมกับกำลังทหาร จะมีจุดตรวจสกัดจับทุกช่องทาง

สำหรับขบวนการลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าวนั้น มีทั้งรูปแบบกองทัพมด ทั้งลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ ทางตำรวจก็ยังดำเนินการจับกุมได้อย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้จะมากำชับกวดขัน ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นห่วงเรื่องนี้ ส่วนขบวนการลักลอบต่างที่มีคนไทยอยู่เบื้องหลังนั้น ทางตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบ ตลอดจนพวกเอเย่นต์ต่างๆด้วย ที่ผ่านมานั้นมีขบวนการผลประโยชน์กับเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่าเป็นเรื่องค่าหัวคิว และการนำพาเข้ามา ซึ่งหลังจากตำรวจมีการกวาดล้าง ขณะนี้เชื่อว่า ขบวนการเหล่านี้เหลือน้อยลงแล้ว แต่ด้วยช่วงนี้เป็นช่วงผ่อนปรน สำหรับสถานประกอบการต่างๆ จึงมีความต้องการแรงงานต่างด้าวมาทำงานนั้น ทางตำรวจเข้าใจว่าเป็นไปตามปัจจัยความต้องการ ที่ธุรกิจมีการเปิดทำงานตามปกติ ทำให้แรงงานที่กลับไปต่างประเทศ ก็มีความต้องการที่พยายามกลับเข้ามา ทางตำรวจยืนยันว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด

โดยทางรัฐบาลอาจจะมีมาตรการป้อนปรนให้บุคคลต่างด้าวเหล่านี้ แต่ต้องเข้าสู่ขบวนการคัดกรอง การกักตัว เชื่อว่าทางรัฐบาลกำลังอยู่ในขั้นตอนคิดอยู่ หากมีผู้ประกอบการรายใด สนับสนุนให้บุคคลต่างด้าวเข้ามาทำงานนั้น ก็ต้องมีความผิด ถูกดำเนินคดี เช่นเดียวกับหากมีตำรวจ เข้าไปอยู่ในขบวนการนี้ก็ต้องดำเนินการทั้งทางอาญา และทางวินัยด้วย