ดีเดย์ ‘เราไปเที่ยวกัน ‘ หุ้นโรงแรมไร้สัญญาณบวก

ดีเดย์ ‘เราไปเที่ยวกัน ‘  หุ้นโรงแรมไร้สัญญาณบวก

สายเที่ยวต่างเตรียมรอการลงทะเบียนใช้สิทธิ ‘เราเที่ยวด้วยกัน ‘ ในวันที่ 15 ก.ค. กันไม่น้อย ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวภายใต้วงเงินที่ภาครัฐใส่เข้ามา 24,000 ล้านบาท

 เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่นาทีนี้ใครสายป่านไม่ยาวพออาจต้องล้มหายตายจากทยอยปิดกิจการลงไปเรื่อยๆ ได้ง่ายๆ

ด้วยสถานการณ์การท่องเที่ยวในไทยซึ่งพึ่งพิงฐานต่างชาติค่อนข้างมาก ไม่มีรายได้จากลูกค้ากลุ่มนี้เข้ามาตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. และอาจจะลากยาวไปถึงจบไตรมาส 3 ของปีนี้เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด -19 ยังพุ่งสูงต่อเนื่องในต่างประเทศ

อาทิ ออสเตรเลีย เริ่มกลับจำกัดการเดินทางทางอากาศสำหรับการเข้าออกประเทศลง 50% โดยจะเหลือเพียงสัปดาห์ละ 4,000 คน ฮ่องกงเตรียมประกาศปิดโรงเรียนทุกแห่งตั้งแต่วัน13 ก.ค. เป็นต้นไป สเปนเริ่มกลับมาล็อคดาวน์บางส่วนในแคว้นคาตันลุนย่า หลังมีผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 2 วัน 

รัฐแอริโซนาในสหรัฐได้ออกคำสั่งให้ร้านอาหารเปิดให้บริการเพียงครึ่งเดียว รวมทั้งประเด็นใหม่ผู้ติดเชื้อชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยไม่ได้กักตัว จึงส่งผลกระทบว่าจะเกิดการระบาดรอบ 2 จากก่อนหน้านี้ไทยไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ประเทศมานานถึง 48 วัน

ดังนั้นจึงเป็นข่าวร้ายที่ธุรกิจท่องเที่ยวรู้อยู่เต็มอกว่าจะต้องเผชิญรายได้หาย ค่าใช้จ่ายพุ่ง ดอกเบี้ยกู้เดินหน้าจนขาดทุนติดตัวแดงตามมา ซึ่งเมื่อไม่สามารถดึงการท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาได้ ตลาดนักท่องเที่ยวไทยจึงกลายเป็นกลุ่มที่ธุรกิจนี้หวังพึ่งพอให้มีรายได้รอสถานการณ์ทั่วโลกกลับมาดีขึ้นและทุกคนกล้าจะเดินทางท่องเที่ยวกันอีกครั้ง

มาตรการทั้ง ‘กำลังใจ’ เพื่อให้บุคคลกรทางการแพทย์ได้ออกไปท่องเที่ยว และ ‘เราเที่ยวด้วยกัน ‘ สำหรับประชาชนทั่วไป จึงออกมาแม้จะมีเสียงวิพากพวิจารณ์ว่าจำกัดสิทธ์ที่น้อยไป มีความยุ่งยากเพราะต้องลงทะเบียนตามวันและเวลาที่กำหนด และมีเค้าลางว่าจะเหมือนมาตรการ ‘ชิมช้อปใช้ ‘ที่ออกเมื่อปี 2562 ที่แย่งลงสิทธิ์ทำเว๊บไซต์ล่มและทำสถิติเต็มโควต้าทุกวัน

โดยเฉพาะมาตรการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน ‘ ที่ให้สิทธิทั้งส่วนลดที่พัก 40 % ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน จำนวน 5 ล้านคืน แจก E-Voucher ผ่านแอพพลิเคชั่น เป๋าตัง 600 บาทต่อคืน และ ส่วนลดค่าเครื่องบิน 40 % ไม่เกิน 1,000 บาท จำนวน 2 ล้านใบ ซึ่งทำให้รวมแล้วมีผู้ได้สิทธิ 7 ล้านคน หรืออาจจะน้อยกว่านั้นหากกดรับสิทธิทั้งค่าที่พักและค่าตั๋วเครื่องบิน

บรรดาผู้ประกอบการโรงแรมรายใหญ่ต่างขนโปรโมชั่นเพื่อเพิ่มอัตราการเข้าพักไม่น้อย บริษัทแอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เริ่มต้นห้องพัก 4,999 บาท พร้อมส่วนลดรายเดือนตั้งแต่ ก.ค. – ส.ค.

บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC นำโรงแรมในเครือ 4 แห่งอยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยวชายทะเลลดราคาห้องพักเริ่ม 4,000 บาท หรือ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT นำโรงแรมที่บริหาร 2 แบนรด์ใหญ่เข้าร่วมด้วย โรงแรม อนันตรา และอวานี

บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ขนโรงแรม 5 ดาว จะให้เข้าพักได้ในราคา 3,120 บาท จากราคา 3,900 บาท ที่พัทยา ภูเก็ต กระบี่ และยังมีราคา 2,240 บาท จาก 2,800 บาท กระบี อ่าวนาว สมุย พัทยา เชียงใหม่ ระยอง สำหรับห้องพักราคา 1,700 บาท ก็จะเหลือราคา 1,360 บาท จอมเทียน เกาะช้าง อุดรฯ และยังมีราคา 960 บาท จาก 1,200 บาท ที่ พัทยา สมุย

บริษัท ดิเอราวัณ จำกัด (มหาชน) หรือ มีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในต่างจังหวัดที่ 38% มีโรงแรมบัดเจ็ก โฮลเทล อย่าง Hop Inn 40 แห่ง จาก 34 จังหวัดในประเทศ ซึ่งมีราคาต่อคือต่ำกว่า 1,000 บาท

อย่างไรก็ตามหากประเมินจากอัตราการเข้าพักและการลดราคาห้องพักเพื่อลงมาตอบสนองกับตลาดภายในประเทศแล้วยังคาดการณ์ว่าธุรกิจโรงแรมจะขาดทุนหนักไปจนถึงสิ้นปี 2563 ซึ่งตัวเลขหนักสุดในอยู่ในไตรมาส 2 ปี 2563

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่าสถานการณ์ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ยังไม่เคาะ Travel bubble เนื่องจากหลายประเทศเริ่มเห็นสัญญาณผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม มองเป็นลบต่อกลุ่มท่องเที่ยว อาจจะฟื้นตัวล่าช้ากว่าคาด โดยก่อนหน้านี้หลายประเทศคาดว่าจะเริ่มเปิดประเทศได้ภายในต้นไตรมาส 4 ปี2563 ซึ่งอาจจะต้องเลื่อนไปเป็นปลายปีหรือต้นปีหน้าเป็นอย่างเร็ว