‘มิกค์ ทองระย้า’ โฟกัสชีวิตให้ถูกจุด

‘มิกค์ ทองระย้า’ โฟกัสชีวิตให้ถูกจุด

สัมผัสมุมมอง ความคิด ที่ทำให้ 'มิกค์ ทองระย้า' กลายมาเป็น ‘พระเอกเบอร์ต้น’ ของช่อง 7 ได้อย่างเต็มภาคภูมิ พร้อมชวนร่วมกิจกรรม ‘เที่ยววันธรรมดา’ กับ ‘มิกค์ ทองระย้า’ ที่ทาง ททท. จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นและสร้างสมดุลให้กับภาคธุรกิจท่องเที่ยว

การที่จะได้รับการยอมรับให้เป็น ‘เบอร์ต้นๆ’ ของสายงานที่ทำอยู่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความมุ่งมั่น อดทน ขยันพัฒนาตนเอง ตลอดจนมีสัมมาคาระวะ เชื่อฟังและไว้วางใจในการตัดสินใจของผู้ใหญ่ ทำให้วันนี้ ‘มิกค์ ทองระย้า’ ถูกยกให้เป็น ‘พระเอกเบอร์ต้น ๆ ของช่อง 7’ สถานีโทรทัศน์ที่ครองเรตติ้งอันดับ 1 มาอย่างยาวนาน ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ เส้นทางสายบันเทิงของ ‘มิกค์ ทองระย้า’ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาเป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก จากอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ที่เข้าวงการมาด้วยการเข้าประกวดเวทีค้นหานักแสดงหน้าใหม่ Dream Star Search เมื่อตอนอายุ 16 แล้วอีกหนึ่งปีถัดมา มิกค์ก็ไปเข้าร่วมประกวดโครงการค้นหานักแสดงนำของช่อง 7 ได้รางวัลชนะเลิศไปครอง ทำให้ได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับทางช่อง 7 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นปีที่ 10 แล้ว

ถึงแม้ว่าจะมีหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงใหญ่สไตล์ลูกครึ่ง (จนทำให้ช่วงแรก ๆ มีคนเรียกเขาว่า “มาริโอ้ 2”) แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่ได้กลายเป็นข้อได้เปรียบของ มิกค์ แต่อย่างใด เพราะช่อง 7 ซึ่งมีแนวทางการปั้นนักแสดงของตัวเอง กลับมอบเพียงแค่บทตัวประกอบ โดยเฉพาะบทตัวร้าย (ที่หน้าหล่อกว่าพระเอก) มาให้กับ มิกค์ อยู่บ่อย ๆ ในช่วงแรก

แต่นั่นกลับกลายเป็นข้อดีที่ทำให้ มิกค์ ได้ฝึกปรือฝีมือทางการแสดงจนเข้าฝักแล้วถึงจะก้าวขึ้นมาเป็นพระเอกเบอร์ต้นๆ ของช่อง สามารถประกบนักแสดงหญิงตัวแม่ของวงการอย่าง 'อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ' ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ

ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย หลายคนอาจจะคิดว่ามันก็สมควรเป็นแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ

แต่ถ้าการทำแบบนี้เป็นเรื่องง่ายจริง เราคงไม่ได้ยินข่าวดาราย้ายช่อง นักร้องย้ายค่าย เพราะคิดว่าจะได้พบโอกาสที่ดีกว่าจากต้นสังกัดใหม่กันอยู่บ่อย ๆ

สำหรับ มิกค์ เราถามเขาไปว่าจัดการตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกนึกคิดแบบเดียวกันนี้อย่างไร

นักแสดงหนุ่มวัย 28 ปี ก็ตอบเรากลับมาว่า “ต้องโฟกัสให้ถูกจุด” โดยตัวเขานั้นไม่ได้โฟกัสมาตั้งแต่แรกว่าจะต้องเป็นพระเอก แต่มองว่าตัวเองเป็นนักแสดง

“การได้รับบทที่แตกต่างมันคือความท้าทายที่เราจะได้เริ่มใหม่ การได้พบผู้กำกับหลายคน นักแสดงหลายคน เราก็จะได้ความรู้ใหม่เข้ามาเรื่อยๆ บางทีเราเล่นละครมา 10 เรื่องแล้ว แต่พอเปิดเรื่องใหม่ นั่นคือ เรากำลังจะเป็นนักแสดงใหม่ เราต้องไปรับอะไรใหม่ ๆ คาแรกเตอร์ใหม่ บทใหม่ ทุกอย่างใหม่หมดเลย เพราะฉะนั้นเราก็ต้องใหม่ไปหาเขาด้วยมันถึงจะสนุก”

159466862392

“กับพี่แบงค์ ผู้กำกับ (ธนาพล ผังดี) ผมสนิทเลยเพราะเจอกันมา 3 เรื่องแล้ว เค้าก็มีมุมมองที่ต่างออกไป อย่างเราเล่น ‘ลูกผู้ชายพันธุ์ดี’ กับพี่เค้าแล้วมาเล่น ‘สะใภ้อิมพอร์ต’ เรื่องล่าสุดที่ได้มาเจอกัน แต่เราไม่ได้กำกับกันมาซัก 2-3 ปีแล้ว พอเรามาเจอปุ๊บ ผู้กำกับคนเดิม แต่ความคิดเค้าเปลี่ยนไป เพราะเค้าไปได้อะไรใหม่ ๆ มา ทำให้เราคิดว่า...ขนาดผู้กำกับเค้ายังพัฒนาไปเรื่อย ๆ เราเป็นนักแสดง เราก็ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ เช่นกัน”

10 ปีที่อยู่ในวงการบันเทิง มิกค์ บอกว่าตอนนี้เขารู้สึก ‘รักการแสดง’ ไปแล้ว โดยสิ่งที่เป็น ‘จุดเปลี่ยน’ ให้เขารู้สึกแบบนั้นก็คือหลังจากที่เข้าวงการมาได้ 3-4 ปี

“พอหลังจาก 4 ปีผ่านไป เราเล่นละครหลายเรื่องมากขึ้น เราเริ่มเข้าใจเรื่องการแสดงว่ามันคืออะไร มันสามารถพัฒนาไปได้ขนาดไหน มันมีอะไรมากกว่าที่เราคิดเยอะ พอเราได้เจอคนเยอะขึ้น ได้ศึกษา ได้เจอผู้กำกับหลายๆ คน มันเลยเริ่มสนุก”

การรับบทซูเปอร์ฮีโรแบบไทยๆ ในละครบู๊แฟนตาซีเรื่อง ‘ลูกผู้ชายพันธุ์ดี’ ถือเป็นจุดเปลี่ยนทางด้านการแสดงของ มิกค์ โดยเจ้าตัวบอกว่าเริ่มจากการที่เขาบู๊ไม่เป็นเลย แต่ก็ฝึกฝนตัวเองจนทำได้ แล้วละครยังประสบความสำเร็จ มีการสร้างออกมาหลายซีซั่นจนทำให้เขาเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเราพยายาม”

“มันเริ่มจากผมบู๊ไม่เป็นเลยครับ ตัวสูงเก้งก้าง ทำไม่ได้เลย เราก็พยายาม พยายาม พยายาม ฝึกฝน เรียนรู้ แล้วละครมันเพิ่มตอนด้วย เป็นสองซีซั่น สามซีซั่น รวมเวลาถ่ายทำทั้งหมดสองปี ตอนนั้นผมกลายเป็นสตันท์แมนไปเลย บู๊เก่งมาก เราก็เลยคิดว่า เอ๊ย…อะไรที่เราไม่เคยทำ เราสามารถทำได้นะถ้าเราตั้งใจ อดทน ฝึกไปเรื่อยๆ มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าอะไรที่มันยาก เข้ามาได้เลยต่อไปนี้ เราสามารถที่จะสู้กับมัน แล้วพยายามจะผ่านมันไปให้ได้”

159466883037

สิ่งที่ทำให้มิกค์ก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงที่ได้รับการยอมรับเรื่องฝีมือ ส่วนหนึ่งมาจากความรับผิดชอบที่เขามีต่ออาชีพ โดยพระเอกหนุ่มบอกกับเราว่าเขาต้องดูแลตัวเองทั้งรูปร่างหน้าตา และการแสดง

“ผมมีปัญหาเรื่องเสียง เมื่อก่อนมีปัญหาเยอะมาก ผมก็ต้องพัฒนาเรื่องเสียง ต้องไปเรียน มีการคาบจุกไว้แล้วพูดไปด้วย เพราะผมพูดไม่อ้าปาก ต้องหาอะไรพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ”

ที่สำคัญ เมื่อได้ยินคำแนะนำเรื่องการแสดง แทนที่จะไม่พอใจ มองว่าเป็นคำตำหนิที่ระคายหู แต่ มิกค์ ทองระย้า กลับคิดว่ามันเป็นจุดที่จะทำให้เขาพัฒนาตัวเองได้มากขึ้น

“พอเค้าแนะนำมาเราก็รู้แล้วว่ามันต้องเป็นจุดอ่อนของเรา หรือว่าจุดด้อยที่เราต้องพัฒนา เค้าจึงแนะนำมา เราก็ต้องมาปรับ”

นอกเหนือจากความขยันหมั่นเพียรในการงานแล้ว ความอ่อนน้อมถ่อมตัวก็เป็นคุณสมบัติที่น่าชื่นชมอีกอย่างหนึ่งของพระเอกหนุ่มคนนี้

อย่างเมื่อเราถามออกไปว่าตอนนี้กลายเป็นพระเอกเบอร์ต้น ๆ ของช่องไปแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง มิกค์ ก็แสดงอาการเขิน ทำตัวไม่ถูกออกมาให้เราเห็นอย่างชัดเจน ก่อนจะบอกว่าขอบคุณโอกาสดี ๆ ที่ผู้ใหญ่มอบให้มาตลอด และจะตั้งใจทำให้เต็มที่

ส่วนคำถามที่ว่าตัวเขาเองไม่เคยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจบ้างเลยหรือ เวลาที่ได้รับแต่บทตัวรอง ๆ ในละครที่ผ่านมาหลายต่อหลายเรื่อง หรือแม้แต่เคยได้รับบทพระเอกแล้ว แต่พอเรื่องต่อไปกลับต้องมารับบทเป็นตัวร้าย มิกค์ มีมุมมองสำหรับเรื่องนี้ว่า

“ผมว่าเราต้องโฟกัสให้ถูกจุด เราเป็นนักแสดง เราต้องทำการแสดงของเราตรงนี้ให้ดีที่สุด ถ้ามันออกมาดี ฟี้ดแบ็กมันจะกลับมาหาเราเอง”

สำหรับบทบาทที่ประทับใจนั้น มิกค์ บอกว่ามีหลายเรื่อง อย่าง ‘ลูกผู้ชายพันธุ์ดี’ มิกค์ นั้นประทับใจตรงที่สามารถข้ามขีดจำกัดของตัวเอง สามารถเล่นบทบู๊แล้วทำให้หลายคนพูดออกมาเหมือนกันว่าไม่น่าเชื่อว่าจะบู๊ได้ เพราะตัวเขาสูงเก้งก้าง แล้วต้องเล่นออกมาให้ทะมัดทะแมง

อย่างบทดรามาก็ชอบหลายเรื่อง เช่น ลูกไม้หลากสี ฯลฯ โดยสิ่งที่เขาภูมิใจที่สุดก็การที่สามารถทำให้คนดูเชื่อในสิ่งที่ตัวเองแสดงออกไปได้

“ผมชอบเวลาที่คนดูมาบอกว่า...ดีมากเลยนะ พี่ร้องไห้ตามเลยนะ….มันชื่นใจเวลาฟังคนพูดอะไรแบบนี้" 

ก่อนที่จะมาสัมภาษณ์ มิกค์ ทองระย้า ในวันนี้ เราได้หาข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่ง ทั้งคนที่ได้พบเจอ และร่วมงานกับเขามาแล้วก็พบว่า ทุกคนต่างชมเป็นเสียงเดียวกันว่านักแสดงหนุ่มคนนี้นิสัยดี เป็นกันเอง และมีสัมมาคาราวะ อย่างในกองถ่ายละคร ‘จากศัตรูสู่หัวใจ’ ละครเรื่องล่าสุดที่กำลังถ่ายทำอยู่ มิกค์ ก็กลายเป็นขวัญใจของคนในกองจน ‘อั้ม พัชราภา’ นางเอกของเรื่องถึงกับออกปากแบบติดตลกว่า ยอมไม่ได้ จะต้องแย่งตำแหน่งขวัญใจกองถ่ายกลับคืนมาให้ได้

แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นคือสิ่งที่คนภายนอกมอง แล้วตัว มิกค์ เองล่ะ คิดว่าตัวเองเป็นคนยังไง มีนิสัยเหมือนกับที่คนอื่นมองไหม

“ผมเป็นคนสบาย ๆ เป็นคนชิลล์ๆ ไม่ค่อยซีเรียสเท่าไร เป็นคนยิ้มง่าย อยากให้การทำงานทุกอย่างมันมีความสุข พักผ่อนก็มีความสุข ไปเที่ยวก็มีความสุข อยากให้ทุกอย่างที่เราทำเป็นความสุขที่เข้ามา”

‘เที่ยววันธรรมดา’ กับ ‘มิกค์ ทองระย้า’

สำหรับใครที่อยากสัมผัสกับความสุข ความสบายใจในยามที่ได้ใกล้ชิด พูดคุยกับนักแสดงหนุ่มคิดบวกคนนี้ โอกาสของคุณมาถึงแล้ว เพราะตอนนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดกิจกรรม ‘วันธรรมดาน่าเที่ยว ไปกับ มิกค์ ทองระย้า’ เพื่อชวนคนไทยออกไปท่องเที่ยวในวันธรรมดา แทนการเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์หรือช่วงวันหยุดเทศกาลต่าง ๆ เพื่อสร้างรายได้ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้งหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวถึงโครงการ ‘วันธรรมดาน่าเที่ยว’ ว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเติบโตของนักท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างสมดุลมากขึ้น ไม่ให้ไปกองกันอยู่ในช่วงวันหยุดมากเกินไป

159466892579

โดยจะส่งเสริมการท่องเที่ยววันธรรมดาใน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคใต้ และภาคตะวันออก ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์พิเศษที่จะพบได้จากการท่องเที่ยววันธรรมดาเท่านั้น แถมยังสอดคล้องกับ New Normal ของการท่องเที่ยวในยุคโควิด-19 อีกด้วย

ด้วยเหตุนี้เอง ททท. จึงร่วมกับรายการ ‘เช้านี้ที่หมอชิต’ จากช่อง 7HD พาผู้โชคดีไปสัมผัสประสบการณ์ของการท่องเที่ยวในวันธรรมดาแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ มิกค์ ทองระย้า ขึ้นที่จังหวัดนครนายก ในวันที่ 2-3 กันยายน ที่จะถึงนี้

159466898652

159466900334

นายวิบูลย์ นิมิตรวานิช ผอ.การภูมิภาค ภาคตะวันออกฯ-นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศฯ-คุณนาฏนภางค์ จงสมจิต กรรมการรองกรรมการผู้จัดการ-มิกค์

โดยกติกาในการร่วมสนุกมีอยู่ว่า ให้คุณโพสต์รูปภาพที่คุณได้ไปท่องเที่ยว พร้อมบรรยายว่า ทำไมวันธรรมดาถึงน่าเที่ยวมาที่แฟนเพจ Ch7HD News พร้อมติดแฮชแท็ก #วันธรรมดาน่าเที่ยว และแชร์โพสต์กิจกรรมให้เป็นสาธารณะ โดยสามารถร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม ถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2563 คณะกรรมการคัดเลือก 15 รางวัล ๆ ละ 2 ท่าน

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายการเช้านี้ที่หมอชิต รวมถึงช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ Facebook Fanpage, Instagram, Twitter : Ch7HD, Ch7HD News, และwww.ch7.com

นอกจากนี้ยังสามารถติดตามช่องทางการประชาสัมพันธ์หลักของโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยววันธรรมดา ได้ที่ www.weekdayspecialthailand.com และ Facebook Fanpage วันธรรมดาน่าเที่ยว

159466910015

สำหรับตัวของมิกค์เองบอกว่า เหตุผลหลักที่ทำให้เขาได้รับเลือกมาร่วมโครงการนี้ก็น่าจะมาจากการที่ตัวเขาเป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้ว โดยสถานที่โปรดก็จะเป็นภูเขา ทะเลในประเทศไทย ส่วนพฤติกรรมการท่องเที่ยวของตัวเองก็จะแบบสบาย ๆ ไม่แอดเวนเจอร์มาก ชอบไปถ่ายรูป ชอบธรรมชาติ พาครอบครัวไปหาของอร่อย ๆ กินกันมากกว่า

สำหรับความ exclusive ของการท่องเที่ยววันธรรมดานั้นก็มีตั้งแต่ รถไม่ติด ผู้คนไม่แออัด ไม่ต้องแย่งที่เที่ยวที่กินกับคนอื่น ไม่ต้องรอคิว ที่สำคัญ คุณจะได้สัมผัสกับความรู้สึกของการได้เป็นเจ้าของชายหาดส่วนตัว ทะเลสาบส่วนตัว ภูเขาส่วนตัว เพราะคุณอาจจะเป็นนักท่องเที่ยวเพียงกลุ่มเดียว หรือคนเดียวในสถานที่นั้น ๆ เพราะวันธรรมดาไม่ค่อยมีคนไปเที่ยวกัน แถมยังอาจได้ส่วนลดค่าห้องพัก เพราะโรงแรม รีสอร์ทบางแห่งจะลดค่าห้องพักในวันธรรมดาให้ด้วย