เคลียร์เก้าอี้ '2 ส.' ทดสอบบารมี 'ประวิตร' 

เคลียร์เก้าอี้ '2 ส.' ทดสอบบารมี 'ประวิตร' 

เข้าสู่โหมดปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเต็มตัว หลังการแยกทางของ “กลุ่ม 4 กุมาร” กับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

เหมือนเป็นปัจจัยให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต้องเร่งตัดสินใจ จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เพื่องานจะได้เดินหน้าอย่างไม่สะดุด

การที่นายกฯระบุว่า วางกรอบการ ปรับครม.ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ก็ชัดเจนว่า คนเก่ากำลังจะไป คนใหม่กำลังจะมาในไม่ช้า

เมื่อลองสแกนแผงแกนนำพรรคพปชร. ในฐานะพรรคหลักของรัฐบาล ในยุคผลัดใบที่มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรค ท่ามกลาง 10 บริวาร ที่ถูกวางตัวเป็นรองหัวหน้าพรรคนั้น ภาพหน้าฉากดูชื่นมื่น กลมเกลียวแน่นแฟ้น แต่หากผ่าเนื้อในก็พบว่าไม่เป็นเช่นนั้น

เพราะในยามนี้ มีคน 2 ประเภท ที่กำลังลุ้นตำแหน่งรัฐมนตรี ประเภทแรกคือคนที่เคยชวด “รัฐมนตรี” ครั้งที่แล้ว กับอีกประเภท คือคนที่ต้องการอัพเกรดตำแหน่งรัฐมนตรีของตัวเองให้สูงขึ้น หรือดีขึ้น

เรื่องนี้ “บิ๊กป้อม” รู้ดีว่า สร้างความหนักใจขนาดไหน ในการบาลานซ์แต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะกับ “บิ๊ก 3 ส.” ที่พักหลังกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาอย่างต่อเนื่อง

ว่ากันว่า ถึงมี “ 3 ส.” แต่แบ่งเป็น 2 ขั้ว ฝ่ายหนึ่ง เป็นการแท็กทีมกันของ “2 ส.” กับอีกฝ่ายที่อยู่ตรงข้าม “1 ส.” ที่ซุ่มแท็กทีมกับแกนนำบางคนในพรรค

คนที่อยู่ในโฟกัสจริง ๆ คือ “ส.แรก” ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหนึ่ง ที่เป็นหนึ่งในตัวเต็งจะข้ามไปนั่งในกระทรวงขุมทรัพย์ ว่ากันว่า ดีลนี้แลกมาด้วยกับการเขี่ย “4 กุมาร” แล้วสนับสนุน “บิ๊กป้อม” เป็นหัวหน้าพรรค ตั้งแต่ช่วงก่อนหน้านี้ ทำเอาอีก “ส.” ที่อยู่ตรงข้าม ไม่ยอมอยู่เฉยให้น้อยหน้า คิดใหญ่ถึงขนาดฝันจะคุม “คลัง”

ขณะที่อีก “ส.” ที่ซี้ปึ้กกับ “ส.แรก” ก็เลียบๆ เคียงๆ มีจังหวะเมื่อไหร่ ก็กระทุ้ง “ส.” ขั้วตรงข้ามมาหลายดอกแล้ว จนอีกฝ่ายออกอาการฟึดฟัดๆ ทั้งที่เอาเข้าจริง ทั้ง “3 ส.” ก็เคยมีช่วงหวานชื่นกันในพรรคมาก่อน แต่เมื่อบริบทเปลี่ยนไป อะไรๆ ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

ส่วนแกนนำแถว 2 ทั้ง “สุชาติ ชมกลิ่น” รองหัวหน้าพรรค พปชร. และ “อนุชา นาคาศัย” เลขาธิการพรรคพปชร. ต่างเป็นแคนดิเดตเป็นรัฐมนตรีครั้งแรกในชีวิตเที่ยวนี้ทั้งคู่ ว่ากันว่า มีสัญญาใจบางอย่างระหว่างคนทั้งคู่ และดูแล้วว่าผู้ใหญ่ในพรรคให้การสนับสนุน คงไม่แคล้วได้สมหวังกันทั้งคู่

โดย “สุชาติ” หรือ “เสี่ยเฮ้ง” ก็ยังถูกวางตัวที่ “รมว.แรงงาน” แม้ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ผู้ร่วมก่อตั้ง “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” หรือ “รปช.” จะออกโรงดักคอ ไม่ยอมปล่อยโควตาตัวเองก็ตาม แต่ของอย่างนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะลึกๆ ใน “พปชร.” ก็ดูจะไม่อ่อนข้อให้ “สุเทพ” เหมือนกัน

ด้วยผลงานที่ผ่านมา เห็นชัดว่าการจ่ายเงินเยียวยาคนในระบบประกันสังคมที่ล่าช้า เข้าขั้นสอบตก โดนวิจารณ์ยับเยิน จนกระทบชิ่งไปถึง “บิ๊กตู่” แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังคงมีทางเลือกให้คนของ “รปช.” ได้แก้มือ อย่างเก้าอี้ “รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม” งานนี้ กว่าจะรู้หมู่ รู้จ่า “บิ๊กป้อม” กับ “สุเทพ” คงคุยกันหลายยก

ส่วน “อนุชา” หรือ “เสี่ยแฮงค์” ถ้าเป็นไปตามที่คนในพรรคมองไว้ คือ นั่ง “รมช.คลัง” แทน “สันติ พร้อมพัฒน์” ที่มีแนวโน้มจะขยับไปนั่ง “รมว.อุตสาหกรรม” แทน “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่มีโอกาสคุม “พลังงาน” สูง

ถ้าเป็นไปตามสูตรนี้ ทุกอย่างคงลงตัว “บิ๊กป้อม” ไม่ต้องปวดหัว แต่ทว่าตอนนี้การบริหารจัดการให้บรรดาบิ๊กๆ ในพรรคพอใจ ถือเป็นเรื่องยากที่สุด ไม่ลงล็อกตามสูตรเสียที เพราะต่างคนต่างไม่ยอมกันนั่นเอง

นอกจากนั้น อีก 2 ตำแหน่งที่ต้องจับตาให้ดี คือ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง โดยชื่อของ “ไพรินทร์ ชูโชติถาวร” หนึ่งในที่ปรึกษาด้านแนวทางการช่วยเหลือและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโควิด-19 และ อดีต รมช.คมนาคม ในสมัย “รัฐบาล คสช.” มีชื่อคั่วตำแหน่งรองนายกฯ แทน “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”

เช่นเดียวกับ “ทศพล ศิริสัมพันธ์” เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2563 นี้ หลังจากแคนดิเดตหลายคนที่นายกฯ หมายตาทาบทามก่อนหน้านี้ ส่ายหัวปฏิเสธกันเป็นแถว

ต้องลุ้นว่า ปรับ ครม.เที่ยวนี้ จะเป็นการปรับใหญ่ และมีอะไรให้เซอร์ไพรส์ขนาดไหน คงไม่นานหลังจากนี้