สั่งสอบปมล็อกสเปค 'ซีซีทีวี' อ้างชื่อรองนายกฯ-กมธ.สภา

สั่งสอบปมล็อกสเปค 'ซีซีทีวี' อ้างชื่อรองนายกฯ-กมธ.สภา

เครือข่ายธรรมมาภิบาล ร้องนายกฯ สอบ “กลุ่มเสี่ย ก” อ้างชื่อ “ประวิตร” วิ่งเต้นล็อกสเปคโครงการติดตั้งกล้องซีซีทีวีในหน่วยงานรัฐและองค์กรปกครองท้องถิ่น ด้าน “ประวิตร” สั่งสอบด่วน ยันเป็นไปไม่ได้

 ขณะที่ กมธ.กระจายอำนาจฯ สภา เตรียมชงที่ประชุมถกปมแอบอ้างพุธนี้


ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล วานนี้(13ก.ค.) นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ประธานกลุ่มธรรมาภิบาล และเครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชัน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยมี นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักนายกฯ เป็นผู้รับหนังสือ

โดยขอให้นายกฯ ตรวจสอบกรณีกลุ่มบุคคลแอบอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการบริหารการบูรณาการแผนและระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ทั่วประเทศ ในการวิ่งเต้นล็อกสเปคงานติดตั้งกล้องซีซีทีวีในหน่วยงานรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ทั่วประเทศ ภายใต้นโยบายสมาร์ทซิตี้ Smart City ของรัฐบาล เพื่อให้บริษัทของตัวเองและนอมินีเป็นผู้ชนะการประกวดราคาตามหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ

นายวิวัฒน์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ทางกลุ่มฯได้รับการร้องเรียนจากเครือข่ายผู้ประกอบการติดตั้งกล้อง CCTV หลายรายว่า “กลุ่มเสี่ย ก” ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจติดตั้งกล้องซีซีทีวี และเป็นเจ้าของบริษัทติดตั้งกล้องซีซีทีวี อ้างว่ามีตำแหน่งประจำรัฐสภา คือตำแหน่งเลขานุการประจำกรรมาธิการ(กมธ.)กระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สามารถเข้าไปประสานงานกับ เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) และองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ทั่วประเทศได้

จึงเข้าไปวางสเปคล่วงหน้าให้กับหน่วยงานที่จะจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้รับสเปคซีซีทีวีของกลุ่มตนเอง และทำให้บริษัทนอมินี ได้งานเป็นคู่สัญญาในหลายโครงการทั่วประเทศ

โดยขณะนี้ มีโครงการที่ผ่านการอนุมัติแล้วไม่ต่ำกว่า 20 โครงการ ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี สุโขทัย เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานี รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการประมูล และส่งมอบงานอีกจำนวนมาก

อ้างเข้าออกมูลนิธิฯป่ารอยต่อ

นอกจากนี้ “เสี่ย ก” ยังอวดอ้างและแสดงตนว่า เป็นสมัครพรรคพวกในมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด และเข้าออกอยู่เป็นประจำ จนเป็นเหตุให้ผู้ประกอบการติดตั้งกล้องซีซีทีวีทั่วไปเข้าใจว่าเป็นคนของผู้ใหญ่ในมูลนิธิฯ ทำให้เกิดความเสียหายให้แก่งบประมาณแผ่นดิน และกระทบต่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการที่ประชาชนควรจะได้รับ จากการติดตั้งอุปกรณ์ที่ไม่ได้คุณภาพ ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์

นายวิวัฒน์ ระบุว่า ทางกลุ่มธรรมาภิบาลต้องการให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบพฤติการณ์ของ “กลุ่มเสี่ย ก” ที่แอบอ้างชื่อผู้ใหญ่ในบ้านเมือง จนเกิดความเสียหาย นอกจากนี้จะเดินหน้าร้องเรียนต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

“ประวิตร”สั่งตรวจสอบทันที

ทางด้าน พล.อ.ประวิตร ซึ่งถูกแอบอ้างชื่อ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าว โดยยืนยันว่า “มันไม่ได้ ต้องทำตามขั้นตอน ทำตามกฎหมายอยู่แล้ว เป็นการวิ่งเต้นกันไปเอง คนอยากทำอยากได้อะไรก็พูดกันไปเรื่อย แต่จริงๆ แล้วต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย และทีโออาร์ที่หน่วยงานเขาเป็นคนทำ เมื่อมีการร้องเรียน จะให้เจ้าหน้าที่เขาตรวจสอบ”

ปธ.กมธ.นำเรื่องถก 15 ก.ค.

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวกรุงเทพธุรกิจ ได้โทรสัมภาษณ์นายซูการ์โน มะทา ประธาน กรรมาธิการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ สภาฯ ถึงกรณีดังกล่าว โดยนายซูการ์โน ระบุว่า กรณีผู้ประกอบการธุรกิจติดตั้งกล้องซีซีทีวีมีการระบุว่า มีตำแหน่งประจำรัฐสภา คือตำแหน่งเลขานุการประจำกรรมาธิการนั้น ตนไม่เคยได้ยินเรื่องดังกล่าว เพิ่งรับทราบจากข่าวที่ปรากฏออกมา จึงยังไม่สามารถตอบอะไรได้ ขอนำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมกรรมาธิการในวันพุธที่ 15 ก.ค.นี้ก่อน