ฟื้นตัว

ฟื้นตัว

Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้ :

คาดดัชนีฯ ฟื้นตัว แนวต้าน 1360 / 1365 จุด แนวรับ 1340 / 1330 จุด ปัจจัยบวก มาจาก การฟื้นตัวของตลาดหุ้นโลกเมื่อวันศุกร์ จากผลทดสอบวัคซีนรักษา COVID-19 ลดการตายได้ 62% และคาดสัปดาห์นี้อาจมีข่าวดี จากรายงานที่ดีกว่าคาดของตัวเลขเศรษฐกิจจีน ผลกำไรบจ. สหรัฐฯ และผลประชุมโอเปค

ประเด็นที่มีผลต่อตลาดวันนี้ ได้แก่

         1) แรงซื้อคืนกลุ่มธนาคาร ท่องเที่ยว ช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป เมื่อวันศุกร์ หลังมีข่าวดีวัคซีนรักษาไวรัสฯ อาจได้ภายในเดือน ธ.ค.

         2) สัปดาห์นี้ ลุ้น Positive Surprises จากรายงาน 2Q20E GDP จีน และรายงานผลกำไรบจ. สหรัฐฯ

         3) การไม่เชื่อมั่นต่อรายชื่อทีมเศรษฐกิจใหม่ หลังการปรับครม. เพิ่มความเสี่ยงต่อการ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

         4) นักลงทุนต่างชาติซื้อตลาดหุ้นไทยเป็นสัปดาห์แรกนับตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. แต่ด้วยปริมาณน้อยมาก 260 ล้านบาท

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้: USA-สุนทรพจน์ประธานเฟด ดัลลัส ประเด็น COVID-19, Earnings- Pepsi Co, China-FDI เดือน มิ.ย. (YTD) คาด -3.1% YoY (Vs เดือน พ.ค. -3.8%), Japan-Tertiary Industry Index เดือน พ.ค. คาด +3.2% MoM (Vs เดือน เม.ย. -6%)

สรุปภาวะตลาดหุ้น ทองคำ น้ำมัน วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยกลับมาปิดลบ: ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตลอดการซื้อขาย ก่อนฟื้นตัวท้ายตลาดมาปิดที่ระดับ 1350.50 จุด -15.31 จุด -1.12% วอลุ่ม 6.42 หมื่นล้านบาท กลุ่มปิโตรฯ -3.17% พลังงาน -2.24% เกษตรฯ -2.18% หุ้นขึ้น >4% KCE PTL PRM HANA DELTA BEC ACE SPACK SMPC PYLON PRM SELIC ACE VL SMT SVI และหุ้นร่วง >4% EA BANPU CHAYO TRUBB APP INET YGG CWT (ทั้งสัปดาห์ SET Index -1.59% WoW)

+ ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัว รับข่าวพัฒนาการวัคซีน: ผลทดสอบวัคซีน Remdesivir ของ Gilead ที่สามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วย COVID-19 ได้ถึง 62% เมื่อเทียบกับวิธีมาตรฐาน ช่วยหนุนแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารและท่องเที่ยวสูงขึ้น 4-8% ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ DJ +1.44% S&P500 +1.05% Nasdaq +0.66% (สัปดาห์ที่ผ่านมา DJ +1% WoW S&P500 +1.8% WoW Nasdaq +4% WoW) และตลาดหุ้นยุโรป ฟื้นตัว หลังร่วง 3 วัน DAX +1.15% CAC40 +1.01% (ทั้งสัปดาห์ DAX +0.84% WoW CAC40 -0.73% WoW)

+ น้ำมันดิบฟื้น แต่ทองร่วงต่อ: WTI +USD0.93 ปิด USD40.55/บาร์เรล Brent +89 เซนต์ ปิด USD43.24/บาร์เรล หลังจาก EIA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบโลกปีนี้สูงขึ้น 4 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็น 92.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนราคาทองคำลงต่อ -USD1.9 ปิดที่ USD1801.9/ออนซ์ จากแรงขายทากำไร (สัปดาห์ที่ผ่านมา WTI -0.3% WoW Brent +1% WoW ทองคา +0.7% WoW)

ประเด็นสำคัญ

- COVID-19 Update ณ วันที่ 12 ก.ค.: อิงข้อมูล Worldometers รายงานวันศุกร์ที่ผ่านมาทำสถิติจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.14 แสนราย นำโดยสหรัฐฯ 7.178 แสนราย บราซิล 4.52 หมื่นราย ส่วนญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อใหม่สูงกว่า 100 ราย เป็นวันที่ 10 รอบ 11 วันที่ผ่านมา และสูงกว่า 200 ราย เป็นวันที่ห้า

+ ไทย: ศบค. รายงานวันอาทิตย์ (วันที่ 12 ก.ค.) พบว่ามีผู้ติดเชื้อใหม่ 1 ราย มาจากญี่ปุ่นและอยู่ในสถานกักกัน (Vs วันเสาร์ที่ผ่านมา มีจำนวน 14 ราย) สะสม 3,217 ราย อยู่ในอันดับ 100 ของโลก และไม่มีผู้ติดเชื้อจากในประเทศต่อเนื่อง 48 วัน

+ วัคซีน: Gilead เผยผลทดสอบวัคซีน Remdesivir พบว่าช่วยลดอัตราการตาย 62% เทียบกับวิธีรักษาปกติ ส่วนบริษัท BioNTech เผยว่าวัคซีนสำหรับการทดสอบเฟส 3 จะพร้อมในช่วงปลายเดือน ก.ค. และหากได้รับอนุมัติ จะสามารถผลิตได้หลายล้านโดส เพื่อรักษาได้ภายในเดือน ธ.ค. นี้

- USA: ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส เผยเมื่อวันศุกร์ว่า หากจานวนผู้ติดเชื้อไข้หวัด COVID-19 ยังคงควบคุมไม่ได้ อาจต้องพิจารณา lockdown ธุรกิจเป็นมาตรการต่อไป เช่นเดียวกันกับรัฐซานฟรานซิสโก ที่อาจงดการเปิดธุรกิจที่มีความเสี่ยงเพิ่ม จากเดิมจะเริ่มให้เปิดได้ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.

+ EU: สภาอียูเมื่อวันศุกร์ มีมติ 505 ต่อ 67 เสียง ออกเกณฑ์ใหม่ต่อกลยุทธ์การนาวัคซีนมาใช้ เพื่อให้ทันกับสถานการณ์รักษาผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยที่มีจานวนมากในปัจจุบัน

- SET: ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่ติด Cash Balance ระหว่างวันที่ 13 ก.ค.-21 ส.ค. ได้แก่ BWG JMART-W4 NEX NEX-W2 RBF STGT TRUBB

- TFEX: ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่ติด Cash Balance ระหว่างวันที่ 13-17 ก.ค. สาหรับ STA13C2010C STA13P2010C STA19P2009A

แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: CPF CHAYO TISCO

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: ADVANC INTUCH KCE OSP TOP AOT CPALL COM7

Derivatives: : รอเปิด Short S50M20 เมื่อดีดตัวช่วง 10:30 น. (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)