'สมโภชน์-อมร-วสุ' นั่งบอร์ด เน็กซ์พอยท์

'สมโภชน์-อมร-วสุ' นั่งบอร์ด เน็กซ์พอยท์

ผู้ถือหุ้น NEX อนุมัติ EA เข้าถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 40% พร้อมเปิดทาง 3 แม่ทัพ “สมโภชน์-อมร-วสุ” นั่งบอร์ด หวังกรุยทางสู่การเป็นผู้นำ Bus EV ได้ในไม่ช้า

นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) (NEX) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทเมื่อวันที่  10 กรกฎาคม 2563 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 1,070,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 827,833,514 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่  1,897,833,514 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน  1,070,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) 3 ราย ได้แก่ 

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์จำกัด (มหาชน) (EA) จำนวนไม่เกิน  670,000,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 2.20 บาท คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 1,474,000,000 บาท, นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา จำนวนไม่เกิน 300,000,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 2.20 บาทคิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 660,000,000 บาท และนายบุญเอื้อ จิตรถนอม จำนวนไม่เกิน 100,000,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 2.20 บาท คิด เป็นมูลค่าไม่เกิน 220,000,000 บาท

นอกจากนี้ ยังอนุมัติผู้ถือหุ้นขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการโดยอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น (Whitewash) เนื่องจาก EA ได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน คิดเป็น 40.01% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดภายหลังการเพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท ซึ่งเป็นผลให้ EA ข้ามจุดที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทที่ 25% ขณะเดียวกัน ยังมีมติอนุมัติแต่งตั้ง 

  1. นายสมโภชน์ อาหุนัย
  2. นายอมร ทรัพย์ทวีกุล
  3. นายวสุ กลมเกลี้ยง ตัวแทนจากกลุ่ม EA นั่งในตำแหน่งกรรมการบริษัท

“การเพิ่มทุนขาย PP ในครั้งนี้ ทำให้ NEX มีความพร้อมในการขยายธุรกิจ และช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในอนาคต ซึ่งเราวางเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมรถบัสโดยสารครบวงจร(Transportation) ตั้งแต่การผลิต จนถึงการซ่อมบำรุงรักษา รวมถึงการได้ EA ผู้นำด้านพลังงานทดแทนและมีโรงงานแบตเตอรี่ไฟฟ้ารถยนต์ เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัท จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต เนื่องจาก EA ถือว่ามีความชำนาญด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยให้การก้าวสู่ความเป็นผู้นำ Bus EV เบอร์หนึ่งของเมืองไทยได้ในเวลาไม่นาน เพราะมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยพร้อมซัพพอร์ต"