'ธุรกิจแบตเตอรี่' ธุรกิจโลกอนาคต

ส่องความท้าทายอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ ในยุคที่ธุรกิจต่างๆ ถูก Disruption แทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ขณะที่การปรับเปลี่ยนของอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังก้าวสู่รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV car จะเป็นโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมแบตเตอรี่มากน้อยแต่ไหน อย่างไร?
สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นทั่วโลกขณะนี้คือ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ ปรับขึ้น Outperform หุ้นกลุ่มที่ทำธุรกิจแบบดั้งเดิม เนื่องจากเป็นการคาดการณ์ถึงโอกาสที่จะเกิด Disruption ในหลายอุตสาหกรรมและแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ
ในบทความฉบับนี้จะขอหยิบยกมุมมองของฝ่ายวิจัยฯ ต่ออุตสาหกรรมแบตเตอรี่ ซึ่งมักจะพูดถึงกันในรูปแบบของรถยนต์ไฟฟ้า หรือ “EV car” ว่าจะมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในประเทศไทยมากน้อยแค่ไหน หากพิจารณาเฉพาะบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในไทยที่สนใจลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่ ได้แก่ บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ (EA), บริษัทบ้านปู (BANPU) และ กลุ่มบริษัท ปตท (PTT) โดยบริษัทที่เริ่มต้นการเปิดตัวให้ความสนใจในธุรกิจนี้แบบเต็มที่รายแรกในไทยก็คือ EA
ปัจจุบันภาครัฐ ตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนสำหรับการผลิตรถยนต์ EV ภายใน 5 ปี (ภายในปี 2568) โดยใช้มาตรการจูงใจด้านสิทธิประโยชน์ในการลงทุนให้กับผู้ประกอบการที่สนใจลงทุน และล่าสุดมี 12 ค่ายรถยนต์ที่ตัดสินใจยื่นขอสิทธิประโยชน์เพื่อการลงทุนแล้ว
อย่างไรก็ดีปัญหาสำคัญว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ EV ในไทยจะประสบความสำเร็จได้เพียงใด ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่
i) จุดคุ้มทุน เนื่องจากรถยนต์ EV มีราคาที่สูงกว่ารถยนต์ปกติ ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินว่า จุดคุ้มทุนสำหรับผู้บริโภคที่ซื้อรถยนต์ EV เมื่อเทียบกับรถยนต์ปกติ อยู่ที่ราว 10 ปี
ii) การชาร์จพลังงานไฟฟ้า เป็นประเด็นที่สำคัญที่อาจทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจไม่ซื้อรถยนต์ EV เนื่องจากใช้ระยะเวลาในการชาร์จที่นาน และจำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้าที่ยังมีน้อย (เมื่อเทียบกับจำนวนปั๊มน้ำมัน)
iii) ข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือ FTA ระหว่างไทย-จีน (ไม่มีภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน) อาจทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาจากผู้ประกอบการจีน จากประเด็นปัญหาต่างๆเหล่านี้ทำให้เราเชื่อว่าตลาดรถยนต์ EV ในไทยจะเกิดขึ้นแบบช้าๆ โดยต้องหวังพึ่งพา i) การสนับสนุนจากภาครัฐฯที่มากกว่านี้ และ ii) การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ลดลง และการชาร์จพลังงานไฟฟ้าทำได้รวดเร็วขึ้นกว่าในปัจจุบัน
จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นผู้ประกอบการรายใหญ่ของไทยอย่าง EA และ BANPU ที่ตัดสินใจมุ่งเข้าหาธุรกิจแบตเตอรี่สำหรับระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถแท็กซี่, รถเมล์, รถบัสโดยสาร และเรือ เป็นต้น
เนื่องจากประเมินว่าจะมีความต้องการใช้แบตเตอรี่ในปริมาณที่มาก และสามารถเริ่มต้นได้เร็วกว่า นอกจากนี้เราประเมินว่า การที่ระบบขนส่งมวลชนใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ จะส่งผลให้ผู้บริโภคและรวมถึงภาครัฐเอง เกิดการยอมรับในการใช้รถยนต์ EV ว่าสามารถใช้งานได้จริง การ Disruption ของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบห่วงโซ่อุปทานก็จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น
กลับมาที่ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เราประเมิน SET index จะผันผวนในช่วงของการรายงานผลการดำเนินงาน 2Q63 (เดือน ก.ค.-ส.ค.) เนื่องจากผลการดำเนินงานจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เต็มไตรมาส และจะทำให้ Trailing PE ของตลาดหุ้นไทย ที่จะเป็นการพิจารณาราคาหุ้นเทียบกับกำไรของบริษัทจดทะเบียนย้อนหลัง 4 ไตรมาส มีโอกาสปรับตัวขึ้นมาก และทำให้ความน่าสนใจลงทุนลดลงในระยะสั้น
อย่างไรก็ดี การนำอัตราส่วน PE มาใช้พิจารณาการลงทุนนั้น อาจใช้ได้หลายรูปแบบตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ซึ่งเราประเมินว่าสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยจะเป็นรูปแบบ “V-shape” ดังนั้นการใช้ Trailing PE ในการพิจารณาเพียงวิธีเดียวนั้นอาจจะไม่เหมาะสม
และแม้แต่วิธี Forward PE ที่จะใช้ราคาหุ้นเทียบกับประมาณการกำไรในอนาคตก็อาจจะทำให้เกิดความเอนเอียง (Bias) ของการประมาณการฯโดยนักวิเคราะห์ขึ้นได้ และเกิดปัญหาว่าจะใช้ฐานกำไรของปีใดในการคำนวณจึงจะเหมาะสม เนื่องจากกำไรปี 2563 คาดว่าจะปรับลงอย่างมากและกำไรปี 2564 คาดว่าฟื้นตัวแรง เราจึงขอนำเสนอวิธีที่เรียกว่า Cyclical Adjusted PE (CAPE) ที่เป็นการคำนวณราคาหุ้นปัจจุบันเทียบค่าเฉลี่ยกำไรของบริษัทจดทะเบียนย้อนหลัง 10 ปี เพื่อเป็นการพิจารณาความสามารถในการทำกำไรที่แท้จริงของบริษัทจดทะเบียนไทยและตัดปัญหาเรื่องของวัฏจักรเศรษฐกิจออกไป
โดยล่าสุด CAPE คำนวณได้เท่ากับ 16.85 เท่า (ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 13.85 เท่า, +1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 19.85 เท่า) ซึ่งจะเห็นว่า CAPE ไม่ได้สูงเกินไปสำหรับการลงทุน และยิ่งหากพิจารณาร่วมกับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำ New normal แล้ว ยิ่งทำให้อัตราผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่ได้ต่ำเกินไปนัก หากมีการพักฐานระยะสั้นใน 1-2 เดือนนี้ จึงเป็นโอกาสสะสมหุ้นอีกครั้ง
...สำหรับการวิเคราะห์ CAPE แนะนำอ่านเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์เชิงปริมาณ Quantamental ของฝ่ายวิจัยฯ
'คนละครึ่ง' ลงทะเบียน 20 ม.ค.นี้ ใครไม่มีสิทธิ์รับเงิน 3,500 บาทบ้าง?
‘เราชนะ’ ลุ้นวันนี้! เงื่อนไขสำคัญ ลงทะเบียน www.เราชนะ.com รับเงินเยียวยาโควิดรอบใหม่
ครม.อนุมัติ 'เราชนะ' จ่ายเยียวยา 3,500 บาท ลงทะเบียน 29 ม.ค.นี้
'เราชนะ' รับเงินเยียวยา 3,500 บาท 2 เดือน กดเป็นเงินสดไม่ได้!
‘เราชนะ’ วันนี้ลุ้น! ครม. อนุมัติหลักเกณฑ์จ่าย 'เงินเยียวยา' 31 ล้านคน
'เราชนะ' สรุปใครได้ 3,500 บาท 2 เดือนบ้าง? ลงทะเบียนอย่างไร เช็คที่นี่!