'เวียงจันทน์' ในดวงใจ

'เวียงจันทน์' ในดวงใจ

เรื่องเล่าจากความคิดถึง "เวียงจันทน์" เมืองที่เต็มไปศิลปวัฒนธรรมและวิถีอันเนิบช้า เสน่ห์ความเรียบง่ายที่รอให้ได้ไปเยือนอีกสักครั้ง

ในที่สุดสถานการณ์โรค Covid-19 ระบาดในบ้านเราก็ดีขึ้นจากความร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่าย จนกระทั่งเราสามารถคลายล็อกเปิดค้าขายใช้ชีวิตและเดินทางไปมาหาสู่กันได้เหมือนเดิมแล้ว แต่หากคิดจะไปเยือนต่างบ้านต่างเมืองในช่วงนี้ ก็อาจจะยังไม่สะดวกนัก เพราะหลายประเทศยังคงมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงอยู่ คอลัมน์ ‘World Wide Wow’ ของเรา จึงขอพาท่านไปเที่ยวใกล้ๆ ในกลุ่มอาเซียน ซึ่งเป็นประเทศที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อค่อนข้างต่ำ และควบคุมโรคได้อย่างดี ทริปนี้ข้ามโขงไปเที่ยวเมืองลาวกันเถอะ

เวียงจันทน์ คือเมืองหลวงของประเทศลาว มิตรใกล้ชิดกับเรามาเนิ่นนาน ขอบอกเลยว่าลาววันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว โดยเฉพาะในนครหลวงเวียงจันทน์ที่เจริญแบบก้าวกระโดด สิ่งไหนอะไรที่เพื่อนบ้านมี ลาวเขาก็มีไม่น้อยหน้า เพราะเขาเปิดประเทศเร่งพัฒนาให้ทันโลกยุคโซเชียล กระนั้นคนลาวก็ยังคงมี 3 สิ่งยึดมั่นในใจเหนียวแน่น คือ พุทธศาสนา วัฒนธรรม และรอยยิ้มเปี่ยมไมตรี

แม้เวียงจันทน์วันนี้จะทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงที่เจริญจนมีตึกใหญ่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ทว่าในเขตใกล้พระธาตุหลวงอันเป็นศูนย์รวมใจของคนทั้งชาติ องค์ธาตุหลวงสีทองอร่ามยังยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ มาถึงเวียงจันทน์แล้วต้องทำตัวกลมกลืนกับผู้คน และลมฟ้าอากาศของที่นี่ คำว่า 'สบายดี' (ภาษาลาวแปลว่า ‘สวัสดี’) พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของเราจึงต้องมีอยู่เสมอ

159454144028

ถ้ามาถึงเวียงจันทน์แล้วต้องไปกราบ าลหลักเมืองและศาลเจ้าแม่สีเมือง ที่ วัดสีเมือ วัดสีเมืองตั้งอยู่ที่ถนนเชษฐาธิราช สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2106 โดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช มหากษัตริย์ลาวล้านช้างผู้ทรงย้ายเมืองหลวง จากหลวงพระบางมาอยู่ที่เวียงจันทน์ทางตอนกลางของประเทศ วัดนี้เคยถูกทำลายโดยกองทัพสยาม เมื่อปี พ.ศ.​ 2371 แต่ก็ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่จนสวยงาม ประวัติเล่าว่าวัดนี้เป็นที่ประดิษฐาน ‘เสาหลักเมืองเวียงจันทน์’ ด้วย ซึ่งในตอนก่อสร้างต้องมีผู้พลีชีพตามธรรมเนียมโบราณ จึงมีนางสีเมืองที่ตั้งท้อง 3 เดือน ยอมสละชีพพร้อมกับม้าของตน วัดแห่งนี้จึงตั้งชื่อขึ้นตามนาง และกลายเป็นที่เคารพสักการะมาโดยตลอด 

การกราบไหว้ก็ต้องซื้อเทียนและต้นผึ้งจากที่ประตูทางเข้าวัด มีความเชื่อกันว่าใครต้องการมีลูก มาขอเจ้าแม่แล้วจะได้ทุกคน แต่ห้ามขอเรื่องความรักและคู่นะครับ เพราะเจ้าแม่ท่านต้องพลัดพรากจากสามี

เดินทางต่อไปยัง พระธาตุหลวง หรือที่คนลาวเรียกว่า ธาตุหลวง แลนด์มาร์กสำคัญที่สุดของลาว ถือเป็นทั้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และเป็นศูนย์รวมใจของชาวลาวทั้งปวง ตั้งแต่สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางสู่เวียงจันทน์ แล้วทรงสร้างเจดีย์ใหม่ ครอบเทวสถานขอมเดิม องค์ธาตุหลวงเป็นเจดีย์ทรงดอกบัวตูม สูง 45 เมตร ยอดแหลม ฐานทรงโอคว่ำ ล้อมรอบด้วยพระธาตุเล็กๆ 30 องค์ ทุกปีชาวลาวจะร่วมกันจัดงานนมัสการธาตุหลวงในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 (เดือนพฤศจิกายน) โดยจัดกันนาน 7 วัน 7 คืน ถือเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลบุญมะโหลาน (บุญมโหฬาร) ซึ่งจะตรงกับช่วงลอยกระทงของชาวไทยพอดี

159454144090

จากธาตุหลวงนั่งรถผ่าน ประตูชัย ซึ่งมีรูปทรงคล้ายประตูชัยปารีสไปอีกไม่ไกล ผมก็ถึง 2 สถานที่สำคัญ คือ หอพระแก้ว และ วัดสีสะเกด ที่อยู่ตรงข้ามกันเลย หอพระแก้วสร้างขึ้นสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชเมื่อปี พ.ศ. 2108 เพื่อใช้เป็นวัดหลวงประจำรัชกาล และเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตซึ่งอัญเชิญจากนครล้านนาเชียงใหม่ เมื่อต้องเสด็จกลับมาครองราชบัลลังก์ล้านช้าง กระทั่งถึงปี พ.ศ.​ 2322 เวียงจันนท์ถูกกองทัพสยามตีแตก แล้วอัญเชิญพระแก้วมกรตกับพระบางไปกรุงเทพฯ 

ทุกวันนี้ในหอพระแก้วจึงเหลือเพียงพระแท่นที่ประดิษฐาน หอพระแก้วที่เห็นในปัจจุบันได้รับการบูรณะใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2480-2483 แล้วแปรสภาพเป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในจัดแสดงพระบางจำลอง ตู้พระไตรโบราณ พระแท่นบัลลังก์ทอง และสมบัติล้ำค่าอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนภายนอกหอพระแก้วก็ตกแต่งเป็นสวนไม้ดอกไม้ใบงดงาม ชวนกันถ่ายภาพได้อย่างสบายอารมณ์

ข้ามถนนแค่ไม่กี่ก้าว จากหอพระแก้วเข้าสู่เขตคามของวัดสีสะเกด เป็นวัดสำคัญอันดับต้นๆ ของลาว เพราะเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดของเวียงจันทน์ อีกทั้งเป็นวัดแห่งเดียวที่ยังคงสภาพสมบูรณ์หลังจากรบกับสยาม ตัววัดสร้างขึ้นสมัยเจ้าอนุวงศ์เมื่อปี พ.ศ. 2361 สิ่งโดดเด่นคือโบสถ์เก่าแก่ยังคงมีสถาปัตยกรรมดั้งเดิม หลังคาเป็นเครื่องไม้ลวดลายวิจิตร 

159454144049

ชาวลาวรู้จักวัดนี้ในอีกชื่อ คือ วัดแสน เพราะพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชและพุทธศาสนิกชนลาวในอดีต สร้างพระพุทธรูปทั้งองค์เล็กองค์ใหญ่ ประดิษฐานไว้ทั่ววัดกว่า 100,000 องค์ ทว่าปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 10,000 กว่าองค์เท่านั้น ถ้าใครมีเวลาและความพยายามพอ จะลองเดินนับให้ถ้วนก็ไม่ว่ากันครับ

ทริปนี้โรงแรมที่พักของผมอยู่ใกล้แม่น้ำโขง ซึ่งทุกวันช่วงเย็นเวลา 17.00-22.00 น. จะมีถนนคนเดินริมโขงสุดชิล ให้เราไปเดินซื้องานศิลปหัตถกรรมลาวและเสื้อผ้าวัยรุ่นกันละลานตา และถ้าคุณเป็นคนชอบนอนดึก ติดกับถนนคนเดินตรงริมแม่น้ำโขงคือ ‘นาคราชซิตี้’ โซนนั่งชิลไปจนดึกดื่น มีอาหารไทย ลาว เวียดนาม นานาชนิดให้ชิม พร้อมเครื่องดื่มที่จะทำให้การนั่งสรวนเสเฮฮากับเพื่อนฝูง เป็นไปอย่างมีความสุข นั่งชิมส้มตำลาว ปลาเผา ไส้อั่วลาว เนื้อทอด บาบีคิว ลาบก้อยปลา และอีกสารพัดเมนู 

นั่งเหม่อมองข้ามโขงไปยังฝั่งจังหวัดหนองคายของไทย ที่เปิดไฟวิบวับสะท้อนผิวน้ำ ชวนให้นึกถึงบ้าน และห้วงเวลาดีๆ ที่เวียงจันทน์ กับวันที่ผมต้องจดจำไว้ในใจ ไปอีกนานแสนนาน

159454144058

 

(*การเดินทาง: จากไทยในสถานการณ์ปกติสามารถบินตรงกรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ ได้เลย หรือบินกรุงเทพฯ-จ.อุดรธานี (แต่ช่วงนี้อาจต้องรออีกสักระยะ และตรวจสอบเที่ยวบินอีกครั้ง) จากนั้นนั่งรถไป จ.หนองคาย ผ่านแดนข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวเข้าเวียงจันทน์ ส่วนการเที่ยวในเวียงจันทน์นั่งรถตุ๊กตุ๊กได้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม www.tourismlaos.org)