2 รมต.ต่างประเทศจีน ส่งสัญญาณประนีประนอม

2 รมต.ต่างประเทศจีน ส่งสัญญาณประนีประนอม

หวังอี้ และหลี่ หยูเจิ้ง สองรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้ออกมาแสดงทัศนะถึงการประนีประนอมในความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐ ซึ่ง ณ วันนี้ยังคงอยู่ในภาวะตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้น นับว่าเป็นความท้าทายครั้งรุนแรงที่สุด ตั้งแต่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกันมา

รัฐมนตรีต่างประเทศจีน 2 คน แสดงความเห็นประนีประนอมเรื่องความสัมพันธ์กับสหรัฐ ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มมากขึ้นทุกขณะ

หวังอี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน แสดงทัศนะผ่านวิดีโอในงานเสวนา จัดโดยสมาคมการทูตจีนมหาวิทยาลัยเรนมินแห่งจีน และมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เมื่อวันอังคาร (7 ก.ค.) จากนั้นเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศนำมาเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (9 ก.ค.) ถ้อยแถลงระบุ 

“นโยบายสหรัฐของจีนยังไม่เปลี่ยนแปลง เรายังต้องการให้ความสัมพันธ์เติบโตไปด้วยความปรารถนาดีและความจริงใจ เพื่อนบางคนในสหรัฐอาจรู้สึกสงสัยหรือกังวลกับการเติบโตของจีน แต่ผมต้องการย้ำว่าจีนไม่เคยต้องการที่จะท้าทายหรือแทนที่สหรัฐหรือเผชิญหน้าด้วย สิ่งที่เราห่วงใยมากที่สุดคือ การปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของคนของเราให้ดีขึ้น”

ถ้อยแถลงของหวังกล่าวด้วยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐ ”กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งรุนแรงที่สุด ตั้งแต่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกันมา” นอกจากนี้หวังยังวิพากษ์นโยบายจีนของสหรัฐ ว่ากำลังถึงจุดของความหวาดระแวงที่อาจจะนำไปสู่การพยากรณ์ตามความเชื่อของตนเอง “ดูเหมือนกับว่า การลงทุนของจีนเป็นเรื่องการเมืองไปเสียหมด แม้แต่นักศึกษาจีนก็กลายเป็นสายลับหรือโครงการความร่วมมือทั้งหลายก็ล้วนแต่มีวาระซ่อนเร้น” นายหวังกล่าว

หนึ่งวันก่อนหน้านั้น หลี่ หยูเจิ้ง รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ประชุมทางไกลว่าด้วยความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน จัดโดยสถาบันการต่างประเทศของประชาชนจีน และสมาคมเอเชียก่อตั้งโดยจอห์น ดี ร็อกกีเฟลเลอร์ ที่ 3 หลี่กล่าวว่า จีนยังคงมองในแง่ดีและพร้อมที่จะทำงานกับสหรัฐทั้งยังตอกย้ำถึงความจำเป็นต้องเคารพการตัดสินใจของจีน

“ไม่ว่าจะเป็นจีนหรือสหรัฐ ต่างก็ไม่สามารถหลอมอีกฝ่ายเข้ากับภาพที่ตัวเองคิด และความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐก็ไม่ควรที่จะถูกผลักดันโดยอุดมคติเกินไปผมยังพบด้วยว่าเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจว่า ทำไมสหรัฐถึงพยายามเปลี่ยนอีกฝ่ายในความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐ ทำไมสหรัฐถึงพยายามที่จะยัดเยียดอุดมคติของตัวเองให้อีกฝ่าย มันดีตรงไหนที่พยายามหยุดยั้งอีกประเทศจากการพยายามพัฒนาบนเส้นทางที่พิสูจน์แล้วว่าทำสำเร็จ ระบบสังคมระหว่างจีนและสหรัฐมีความแตกต่างกันอย่างมาก"

หลี่กล่าวโดยวิจารณ์ถึงความพยายามบางอย่างในสหรัฐที่ลากจีนเข้าไปสู่การเมืองเรื่องการเลือกตั้ง

สหรัฐจะมีการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. ช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมาเกิดปัญหาเขย่าความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ไม่ว่าเป็นด้านการค้าไปจนถึงความพยายามของปักกิ่งที่จะเข้าควบคุมฮ่องกงมากขึ้น จากที่ฮ่องกงเคยมีเสรีภาพมากกว่าแผ่นดินใหญ่มาก

ความเห็นเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่นักการทูตของจีนในหลายประเทศ ตั้งแต่ฝรั่งเศสไปจนถึงศรีลังกา ต่างออกมาแสดงท่าทีที่แข็งกร้าว ทั้งโดยส่วนตัวและผ่านทางทวิตเตอร์ แพลตฟอร์มย้อนแย้งเพราะถูกห้ามใช้ในจีน แต่เป็นเครื่องมือที่กระทรวงการต่างประเทศใช้สื่อสารกับโลก นักวิเคราะห์เรียกแนวทางเหล่านี้ว่า “การทูตนักรบหมาป่า” ชื่อเดียวกับภาพยนตร์แอคชั่นแนวชาตินิยม

สหรัฐสถาปนาความสัมพันธ์กับจีนในปี 2522 และช่วยให้จีนเข้าร่วมองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ในปี 2544 จนจีนกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกในปี 2553

ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐเริ่มตึงเครียดขึ้นราวสองปีที่แล้ว เมื่อรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกนโยบายกีดกันทางการค้าเก็บภาษีสินค้าส่งออกของจีนหลายพันล้านดอลลาร์

แม้หลายฝ่ายไม่เห็นด้วยกับมาตรการเก็บภาษีว่ามีประสิทธิภาพ แต่ก็ถูกมองว่าเป็นวิธีแก้ปัญหา วิธีทำธุรกิจไม่เป็นธรรมที่จีนถูกร้องเรียนมานานมาก ส่วนหนึ่งเพราะรัฐจีนเป็นผู้ควบคุมเศรษฐกิจ

ความขัดแย้งขยายผลไปยังด้านเทคโนโลยีและการเงิน ยิ่งเพิ่มความกังวลในการลดทอนความสัมพันธ์ หรือตัดขาดจากกันมากกว่าที่จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ พร้อมๆ กับที่ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิงผลักดันแนวทางชาตินิยมและการกระชับอำนาจรัฐมากขึ้น