'ไบเดน' เผยแผนกู้เศรษฐกิจ 7 แสนล้าน ชน ‘ทรัมป์’
โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต เผยแผนกู้เศรษฐกิจมูลค่ากว่า 7 แสนล้านดอลลาร์เพื่อสร้างงานหลายล้านตำแหน่ง และลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ถือเป็นการรุกท้าทายประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในแง่นโยบายเศรษฐกิจ ส่วนหนึ่งของนโยบายหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือน พ.ย.
เมื่อวันพฤหัสบดี (9 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ไบเดนไปหาเสียงที่โรงงานเหล็กแห่งหนึ่งในรัฐเพนซิลเวเนีย ที่ถือว่าเป็นสมรภูมิที่สำคัญต่อชัยชนะของทั้งคู่ เขาเสนอนโยบาย “สร้างใหม่ให้ดีกว่าเก่า” (Build Back Better) ที่ตรงข้ามกับนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ของทรัมป์มาก
แผนงานภาคอุตสาหกรรมและนวัตกรรมของไบเดน มุ่งจ้างงานที่เคยสูญหายไปช่วงโควิด-19 ระบาด และจ้างงานใหม่อีกกว่า 5 ล้านคน ผ่านการลงทุนในประเทศและการวิจัย ลดการพึ่งพาซัพพลายเชนในต่างประเทศลง
นโยบายแยกย่อยหลายสาขานี้ยังช่วยกระชับแนวทาง “ซื้อสินค้าอเมริกา” สนับสนุนภาษีใหม่ เช่น ขึ้นภาษีธุรกิจจาก 21% เป็น 28% และสนับสนุนสหภาพแรงงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของแรงงานอเมริกัน
“นั่นคือแผนของผมการสร้างใหม่ให้ดีกว่าเดิม” ไบเดนกล่าวหลังจากเยี่ยมชมโรงงานอายุกว่าร้อยปีนอกเมืองสแครนตัน เมืองของชนชั้นแรงงานที่ไบเดนเติบโตมา
เป้าหมายของแผนอยู่ที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐในอุตสาหกรรมใหม่ เช่น เทคโนโลยีแบตเตอรี่ ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เทคโนโลยีชีวภาพ และพลังงานสะอาด ที่อดีตรองประธานาธิบดีรายนี้มองว่าเป็นอนาคต
ไบเดนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของผู้แพ้ที่ว่าอุตสาหกรรมแบบออโตเมติกและโลกาภิวัตน์จะทำให้ชาวอเมริกันไม่สามารถรักษางานรายได้ดีเอาไว้ได้
“ภาคการผลิตของสหรัฐเคยเป็นกำลังสำคัญของประชาธิปไตยในสงครามโลกครั้งที่ 2 และจะยังเป็นส่วนหนึ่งของความรุ่งเรืองของอเมริกาตอนนี้” ไบเดนกล่าว
อย่างไรก็ตาม แผนคุ้มครองแรงงานของไบเดน ตอกย้ำประเด็นที่ว่าแม้ตัวเลขการจ้างงานของทรัมป์จะไม่สวยนัก แต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งยังมองว่าเขารับมือกับเศรษฐกิจสหรัฐได้ดีกว่าไบเดน
ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในสหรัฐในปี 2559 ได้เพราะประกาศว่าจะฟื้นงานในภาคการผลิตที่เคยสูญเสียไป
แต่ขณะที่ประธานาธิบดีย้ำเสมอว่าภาคธุรกิจสหรัฐเป็นกำลังหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ แผนของไบเดนกลับเน้นพึ่งพารัฐบาลกลางให้ช่วยหนุนความแข็งแกร่งทางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมของสหรัฐ
แผนของเขาเสนอการลงทุน 4 แสนล้านดอลลาร์ จัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ อีก 3 แสนล้านดอลลาร์สำหรับการวิจัยและพัฒนา และเทคโนโลยีใหม่ เช่น พลังงานหมุนเวียนและยานยนต์ไฟฟ้า
“ทุกคนบอกว่านี่เป็นการขับเคลื่อนทางด้านการวิจัยและพัฒนาและการลงทุนจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นับตั้งแต่ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่และสงครามโลกครั้งที่ 2” เจ้าตัวย้ำ
ไบเดนยังตำหนิทรัมป์ที่ดูเหมือนไม่ได้เตรียมการรับมือโควิด-19 ระบาด จนคร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้ว 132,000 คน ทั้งยังไม่ให้ความสำคัญและแก้ปัญหาการเหยียดผิวเชิงระบบ ละเลยปัญหาของชนชั้นแรงงาน
“ทรัมป์ยอมแพ้ง่ายๆ ครอบครัวผู้ใช้แรงงานต้องแบกรับผลจากความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลทรัมป์ เขาไม่ใช่คนที่จะมานำพาประเทศในช่วงเวลาแบบนี้”
การหาเสียงของไบเดนเกิดขึ้นในขณะที่รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ลงพื้นที่รัฐเพนซิลเวเนียเช่นกันเพื่อจัดประชุมโต๊ะกลมหารือเรื่องเปิดเศรษฐกิจสหรัฐอีกครั้ง
ส่วนทีมหาเสียงของทรัมป์นั้นกล่าวหาไบเดนว่ากำลังเป็นพันธมิตรกับเบอร์นี แซนเดอร์ส อดีตคู่แข่งทรัมป์ ผู้สนับสนุนของแซนเดอร์ส ทำงานร่วมกับทีมหาเสียงของไบเดนทำข้อเสนอนโยบายร่วม ที่ออกมาแล้วมีความเสรีนิยมมากกว่าจุดยืนเดิมของไบเดนที่เป็นสายกลางมากกว่า