สรุปภาวะ"ตลาดเงินตลาดทุน"รายสัปดาห์ วันที่ 6-10 กรกฎาคม 2563

สรุปภาวะ"ตลาดเงินตลาดทุน"รายสัปดาห์ วันที่ 6-10 กรกฎาคม 2563

เงินบาทอ่อนค่า ขณะที่หุ้นไทยร่วงลง หลังโควิด-19 ยังมีสัญญาณระบาดหนักทั่วโลก

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือน โดยเงินบาททยอยอ่อนค่าลงท่ามกลางแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ตามปัจจัยทางเทคนิค หลังเงินบาทอ่อนค่าทะลุแนว 31.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์ ประกอบกับตลาดมีความกังวลมากขึ้นต่อสัญญาณการระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรง โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกล่าช้าออกไป อย่างไรก็ดี สถานะซื้อสุทธิพันธบัตรและหุ้นไทยในระหว่างสัปดาห์ของนักลงทุนต่างชาติช่วยจำกัดกรอบการอ่อนค่าของเงินบาทไว้ได้บางส่วน

- ในวันศุกร์ (10 ก.ค.) เงินบาทกลับมาปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 31.27 หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือนที่ 31.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 31.13 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (3 ก.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (13-17 ก.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.10-31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนมิ.ย. ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ Beige Book ของเฟด นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2/63 และตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือนมิ.ย. ด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

หุ้นไทยปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,350.50 จุด ลดลง 1.59% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 71,254.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.57% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.10% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 302.74 จุด      

- ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวอิงขาลงตลอดสัปดาห์ โดยภาพรวมบรรยากาศการลงทุนของตลาดหุ้นไทยถูกกดดันเช่นเดียวกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกที่ยังรุนแรง-ยืดเยื้อ และเพิ่มความเสี่ยงที่ประเทศต่างๆ จะต้องกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งย่อมมีผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้แม้นักลงทุนต่างชาติจะสลับเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยในระหว่างสัปดาห์ แต่ภาพตลาดโดยรวมถูกถ่วงตามแรงขายของนักลงทุนสถาบันเป็นหลัก

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (13-17 ก.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,330 และ 1,300 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,365 และ 1,380 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/63 ตลอดจนความคืบหน้าเกี่ยวกับการออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจและกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของไทย สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก รวมถึงประเด็นขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดค้าปลีก ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของ BOJ และ ECB รวมถึงจีดีพีไตรมาส 2/63 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.ของจีน