‘NEX’ ชูเป้ามาร์เก็ตแคป 1 หมื่นล.

‘NEX’ ชูเป้ามาร์เก็ตแคป 1 หมื่นล.

“NEX” ตั้งเป้าดันมูลค่ามาร์เก็ตแคปแตะ 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 64 เหตุฐานทุนขยายตัว-เม็ดเงินลงทุนเพิ่ม หลังผู้ถือหุ้นไฟเขียวเพิ่มทุน 'พี/พี' กว่า 1,070 ล้านหุ้น ให้ 'อีเอ-คณิสสร์-บุญเอื้อ' พร้อมเล็งซื้อกิจการบริษัทผลิตรถโดยสาร หวังหนุนธุรกิจแบบ

นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าผลักดันมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มูลค่ามาร์เก็ตแคป )ให้แตะระดับ 1 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2564 จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 2.84 พันล้านบาท เนื่องจากฐานทุนที่ใหญ่ขึ้นและกระแสเงินสดจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถนำเงินไปลงทุนหรือซื้อกิจการ (M&A) เพื่อต่อยอดการเติบโตของธุรกิจให้เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไปขยายในส่วนของธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์โดยสาร โดยจะร่วมต่อยอดธุรกิจกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) EA ที่จะเข้ามามีสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทราว 40% และช่วยสนับสนุนการดำเนินกิจการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำโดยเฉพาะในส่วนของการพัฒนารถโดยสารจากพลังงานไฟฟ้า หลังจากเดิมที่ EA มีธุรกิจแบตเตอรี่และบริษัทมีธุรกิจรถบัสโดยสาร

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าซื้อกิจการบริษัทผลิตและประกอบรถโดยสาร โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปการเข้าซื้อกิจการภายในปีนี้ ซึ่งจะผลักดันให้บริษัทสามารถดำเนินกิจการรถโดยสารแบบครบวงจรทั้งจากต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จากปัจจุบันที่บริษัทมีธุรกิจในส่วนของการขายชิ้นส่วนยานยนต์ และศูนย์บริการซ่อมบำรุง

“การเพิ่มทุนในครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทมีความเข้มแข็งทางด้านเงินทุน จะช่วยเข้ามาหนุนการต่อยอดธุรกิจให้ครบวงจร จากปัจจุบันที่บริษัทมีธุรกิจในส่วนของการขาย ชิ้นส่วนยานยนต์ และการซ่อมบำรุง จะขาดก็เพียงการประกอบรถ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมของกิจการที่จะเข้าซื้อ และคาดว่าจะสรุปได้ภายในปีนี้”

ส่วนทิศทางผลประกอบการในปีนี้ บริษัทมองว่ายังอยู่ในช่วงของการเทิร์นอะราวด์ แม้ในช่วงที่ผ่านมาอาจมีอุปสรรคบ้าง แต่หลังจากที่บริษัทมีการรับรู้รายได้จาก บริษัท เบลี่ เซอร์วิส จำกัด ที่มีสัญญาการซ่อมปรับปรุงรถยนต์โดยสารปรับอากาศระยะยาวและมีเงินทุนเข้ามาเสริมจากการเพิ่มทุนซึ่งช่วยให้สามารถสร้างการเติบโตของบริษัทได้มากขึ้นในอนาคต

“สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์โดยสารในช่วงที่ผ่านมายอมรับว่าได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าผู้ประกอบการหลายๆรายจะตระหนักถึงการลดต้นทุนมากขึ้น จึงเป็นมองเห็นโอกาสของบริษัทหากสามารถพัฒนารถยนต์โดยสารจากพลังงานไฟฟ้าได้ ซึ่งช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานได้ค่อนข้างมาก”

นอกจากนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 1,070 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 827,833,514 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 1,897,833,514 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,070,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (พีพี)จำนวน 3 ราย ได้แก่ 1. EA จำนวน 670,000,000 หุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.20 บาท หรือคิดเป็นมูลค่า 1,474ล้านบาท,2.นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา จำนวน 300,000,000 หุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.20 บาท มูลค่า 660 ล้านบาท และ3.นายบุญเอื้อ จิตรถนอม จำนวน 100,000,000 หุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.20 บาท คิด เป็นมูลค่า 220 ล้านบาท