กลต.รื้อยุทธศาสตร์ 3 ปี รับมือโควิด

กลต.รื้อยุทธศาสตร์ 3 ปี รับมือโควิด

เลขาธิการก.ล.ต. ชงที่ประชุมบอร์ดปรับแผนยุทธ์ศาสตร์ช่วง 3 ปี(63-65) เหตุหวั่นสถานการณ์โควิด-19 กระทบแผนพัฒนาตลาดทุน หวังเน้นเรื่องดิจิทัล-ระบบซิเคียวริตี้-จัดระบบเคพีไอใหม่ พร้อมเตรียมปรับเกณฑ์ไอพีโอ จ่อคลอดไกด์ไลน์แนวทางปฎิบัติในช่วงไตรมาส 3/63

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่าการประชุมคณะกรรมการก.ล.ต. (บอร์ด) ในรอบที่ผ่านมาได้มีการเสนอที่ประชุมบอร์ด พิจารณาปรับแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ปี2563-2565 หรือยุทธศาสตร์ 3 ปีข้างหน้าใหม่ เพื่อสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปและผลพวงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

ทั้งนี้มองว่าปัญหาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อแผนงานของ ก.ล.ต.ที่จะเดินไปข้างหน้าในหลายๆด้าน อาทิ ยอดการออมของประชาชนที่อาจปรับตัวลดลง เนื่องจากอาจมีภาระค่าใช้จ่ายที่ปรับตัวสูงขึ้น และแผนงานก.ล.ต.ที่จะส่งมอบให้กับตลาดทุนไทยในช่วงปลายปีนี้ ประกอบกับอาจต้องมีการจัดทำระบบและการประเมินผลการดำเนินงาน (KPI) ใหม่เพื่อให้บอร์ดเห็นกรอบการทำงานขององค์กรที่ชัดเจนขึ้น

ขณะที่สิ่งที่สำนักงานก.ล.ต.จะเร่งดำเนินการภายหลังจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 มีอยู่จำนวน 3 เรื่องหลักๆ ได้แก่ 1.เรื่องการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบรักษาความปลอดภัย (ซิเคียวริตี้) ในกระบวนการทำงานมากขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนเกิดการเข้าถึงช่องทางการระดมทุนในตลาดทุนที่สะดวกมากขึ้น ถัดมา2.คือพัฒนารูปแบบการระดมทุนที่หลากหลาย เพื่อรองรับกับความต้องการของและสุดท้าย3.คือความพร้อมของอุตสาหกรรมที่จะต้องพร้อมรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น

นางสาวจอมขวัญ คงสกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานก.ล.ต. กล่าวว่า ปัจจุบันก.ล.ต.กำลังดูว่าสถานการณ์โควิด-19 กระทบต่อการระดมทุนของภาคธุรกิจหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นพบว่าปัญหาดังกล่าวไม่ได้ทำให้บริษัทที่ต้องการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน (หุ้นไอพีโอ) หายไป 

นอกจากนี้ก.ล.ต.ยังเตรียมปรับเกณฑ์การกำกับดูแลการเสนอขายหุ้นไอพีโอใหม่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือกับปรึกษาทางการเงิน (FA) เพื่อจัดทำคู่มือหรือไกด์ไลน์สำหรับแนวทางปฎิบัติที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น โครงสร้างธุรกิจไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ระบบควบคุมภายในที่ดี คุณสมบัติของกรรมการและผู้บริหารไม่มีลักษณะต้องห้าม และจัดทำงบการเงินที่น่าเชื่อถือ ซึ่งการปรับเกณฑ์ดังกล่าวจะส่งผลดีต่อกระบวนการพิจารณาการเสนอขาย IPO รวดเร็วยิ่งขึ้น คาดว่าจะแนวทางดังกล่าวจะแล้วเสร็จได้ภายในไตรมาส 3/2563