SCC - ขาย

SCC - ขาย

ประมาณการ 2Q63: ธุรกิจเคมีภัณฑ์หนุนให้กำไรโต QoQ

Event

ประมาณการ 2Q63

lmpact

คาดว่ากำไรใน 2Q63 จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ SCC ใน 2Q63 จะอยู่ที่ 8.7 พันล้านบาท (+23.7% YoY, +25.0% QoQ) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY จะเป็นเพราะไม่มีการปรับค่าชดเชยพนักงาน (2 พันล้านบาท) แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรจากธุรกิจหลักใน 2Q63 จะอยู่ที่ 8.7 พันล้านบาท (-4.0% YoY, +21.5% QoQ) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ จะเป็นเพราะ i) spread เคมีภัณฑ์ดีขึ้น ii) ปริมาณยอดขาย polyolefin เพิ่มขึ้นจากการกลับมาตุนสต็อกใน 1Q63 และ iii) รายได้เงินปันผลจาก Toyota motor Thailand และ Siam Kubota เราคาดว่ากำไรสุทธิของ SCC ใน 1H63F จะคิดเป็น 52.8% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา โดยคาดว่า บริษัทจะจ่ายเงินปันผลงวด 1H63F 6 บาท/หุ้น (อัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 38.5%) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 1.6%

ธุรกิจเคมีภัณฑ์ (คาดว่ากำไรสุทธิใน 2Q63F จะอยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท (-5.5% YoY, +135.1% QoQ))

spread ของปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจากต้นทุน naphtha ลดลง (-38.9% QoQ) โดย spread ของ HDPE และ PP เพิ่มขึ้น 23.4% และ 10.0% ตามลำดับ เราคาดว่าปริมาณยอดขาย polyolefin จะอยู่ที่ 470kT (+11.6% QoQ) เนื่องจาก i) มีการลดสต็อก polyolefin (ประมาณ 20kT) เนื่องจากมีการเลื่อนปิดซ่อมบำรุง MOC จาก 2Q63 ไปเป็น 4Q63 และ ii) มีอุปสงค์อัดอั้น หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการ lockdown ในประเทศจีน เราคาดว่าธุรกิจเคมีภัณฑ์จะมีผลขาดทุนจากสต็อก 300 ล้านบาทใน 2Q63F

ปูนซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้าง (คาดว่ากำไรสุทธิใน 2Q63F จะอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท (-24.2% YoY, -44.4% QoQ))

กำไรที่ลดลงทั้ง YoY และ QoQ เป็นเพราะไม่ค่อยมีอุปทานใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ (Figure 4) บวกกับภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอเพราะถูกกระทบจากการใช้มาตรการ lockdown เต็มที่ (ประเทศไทย เมียนมาร์ และอินโดนีเซีย) เราคาดว่าอุปสงค์ปูนซีเมนต์ใน 2Q63 จะลดลง 4.0% YoY และยอดขายใน ASEAN จะลดลง 15% QoQ

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (คาดว่ากำไรสุทธิใน 2Q63F จะอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท (+19.3% YoY, -5.3% QoQ))

กำไรที่เพิ่มขึ้น YoY จะเป็นเพราะไม่มีการปรับค่าชดเชยพนักงาน (300 ล้านบาท) ในขณะที่กำไรที่ลดลง QoQ จะเป็นเพราะ spread ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ลดลง (-19.3% YoY, -3.8% QoQ) ทั้งนี้ อุปสงค์สินค้าคงทนยังคงอ่อนแอ แต่ของผลิตภัณฑ์ FMCG, F&B ยังคงฟื้นตัวได้ดี

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ขาย และขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย 1H64 ที่ 360 บาท เราคาดว่าผลประกอบการใน 2H63 จะลดลง HoH เนื่องจาก i) ต้นทุน naphtha มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในไตรมาสต่อ ๆ ไป ii) จะมีการปิดซ่อมบำรุง MOC รอบใหญ่ใน 4Q63 iii) คาดว่ารายได้จากเงินปันผลของธุรกิจยานยนต์จะลดลงเนื่องจาก
เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง และการแพร่ระบาดของ COVID-19 iv) ธุรกิจที่อยู่อาศัยยังมีแนวโน้มอ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมประเภทอาคารสูง

Risks


ความล่าช้าของการก่อสร้างภาครัฐ ต้นทุนพลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้น ความผันผวนของ spread เคมีภัณฑ์