JMT

JMT

ยิ่ง NPLs ในระบบสูงเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสโตมากเท่านั้น

Event

มุมมองที่ได้จาก company visit

lmpact

มีแนวโน้มเติบโตสูงและฟื้นตัวได้ดี

เรามองว่า JMT มีศักยภาพในการเติบโตสูงเพราะกว่า 90% รายได้จากการให้บริการติดตามหนี้เสีย และการซื้อหนี้เสียมาบริหาร จะได้ผลบวกจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา รายได้จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวของบริษัทโตถึง 35% ทั้งนี้พอร์ตหนี้ภายใต้บริหารของ JMT มีมูลค่า 8.3 พันล้านบาท
(มูลค่าหนี้เบื้องต้น หรือ FV สะสมของมูลหนี้ 1.60 แสนล้านบาท) โดยตั้งเป้าการจะใช้งบ 4.5 พันล้านบาท เพื่อซื้อ NPLs เพิ่มเข้ามาในพอร์ตของบริษัทในปี 2563 (จาก 3.3 พันล้านบาทในปี 2562) ซึ่งจะทำให้พอร์ตหนี้เสียเพิ่มเป็น 1.2 หมื่นล้านบาทในปลายปี 2563 ทั้งนี้บริษัทได้ใช้งบส่วนนี้ไปแล้ว 667 ล้านบาทใน 1Q63 ทั้งนี้ ในราคาประมาณ 8% ของมูลหนี้เบื้องต้น (FV) (Figure 1) ทั้งนี้ธุรกิจนี้ทำรายได้ให้บริษัทประมาณ 75-80% ของรายได้รวม และโตถึง 35% CAGR ในช่วงสามปีที่ผ่านมา

แหล่งเงินยังไม่ตึงตัว และมีแผนสองรองรับ

รายได้จากการบริหารหนี้เสีย (ในรูปเงินสด) ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึงประมาณปีละ 35% เป็น 3.2 พันล้านบาทในปี 2562 ทั้งนี้ การเติบโต YTD มีแนวโน้มจะลดลงเพราะสถานการณ์ COVID-19 แต่บริษัทยังคาดว่ารายได้ส่วนนี้น่าจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งใน 2H63 ทั้งนี้ การซื้อหนี้เสีย
ที่ผ่านมาจะใกล้เคียงกระแสเงินสดที่รับจากบริหารหนี้ ซึ่งหนี้เสียจำนวนมากอาจทำให้บริษัทต้องมีแผนการเงินรองรับรับ ซึ่งอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของ JMT อยู่ที่ประมาณ 2.1x (ต่ำกว่า debt covenant ที่ 3.0x) โดยประมาณ 65% เป็นการระดมทุนในรูปของหุ้นกู้ ทั้งนี้ หากตลาดพันธบัตรไม่เอื้อต่อการระดมทุน บริษัทก็ยังสามารถระดมเงินทุนได้จากการแปลงสภาพวอร์แรนต์ (JMT-W2) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสถานะ in-the-money โดยมีราคาใช้สิทธิ์อยู่ที่ 18.60 บาท ถ้าหากมีการใช้สิทธิ์แปลงบริษัทจะมีเงินทุนเข้ามาประมาณ 4 พันล้านบาท และทำให้สัดส่วน D/E ลดลงเหลือประมาณ 1.0x

บริการติดตามหนี้ทำให้รายได้แบบสมํ่าเสมอ โตถึง 25%

บริการติดตามหนี้ของ JMT สร้างกระแสรายได้แบบสม่ำเสมอให้บริษัทประมาณ 15% ของรายได้รวมโดยมีอัตราการเติบโตถึงประมาณ 25% CAGR ในช่วงเวลาสามปี ทั้งนี้ ในปี 2562 สถาบันการเงินได้มอบหมายให้ JMT ติดตามหนี้เสียมูลค่ารวม 4.3 หมื่นล้านบาท โดยเรามองว่าบริษัทน่าจะสามารถรักษาศักยภาพในการเติบโตเอาไว้ได้ในปี 2563 เนื่องจากมี NPLs ในระบบการเงินเพิ่มขึ้น

ยิ่งเสี่ยงมาก ยิ่งให้ผลตอบแทนสูง

JMT เผยว่ากระแสเงินสดจากการบริหารหนี้เสียลดลงเพียงเล็กน้อยในเดือนเมษายน ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือนพฤษภาคม และกลับมาอยู่ระดับเกือบปกติแล้วในเดือนมิถุนายน ซึ่งทำให้กระแสรายได้เป็นไปตามแผนการเงินของบริษัท ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธิของ JMT ใน 2Q63 จะทรงตัว QoQ และจะ
เติบโตอย่างแข็งแกร่งใน 2H63 โดยจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีกในปี 2564 แต่อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นค่อนข้างแพงแล้วโดย P/E ในอดีตเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 20-30x

Risk

ไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนได้ มีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ ราคาเข้าซื้อสินทรัพย์ dilution ของหุ้นที่เกิดจากการแปลงสภาพวอร์แรนต์