‘EA’ยอดขายหุ้นกู้ล้น แห่ซื้อรุ่นอายุ‘2-3 ปี’

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)หรือ EA ปิดเสนอขายหุ้นกู้ ชนิดระบุชื่อผู้ถือหุ้น ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้น จำนวนไม่เกิน 2,200 ล้านบาท ซึ่งมีเรทติ้งที่ A- เสนอขายแก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ในวันที่ 8-9 ก.ค. 2563 แบ่งเสนอขายจำนวน 3 ชุด โดยชุดที่ 1 มูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2.62% อายุ 2 ปี ชุดที่ 2 มูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2.94% อายุ 3 ปี และ ชุดที่ 3 ไม่เกิน 700 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.30% อายุ 5ปี

นางสาวออมสิน ศิริ ผู้อำนวยการสื่อสารองค์ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)หรือ EA เปิดเผยว่า นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นกู้ของบริษัทจำนวนมาก โดยช่วงที่เปิดสำรวจความสนใจจองซื้อมีความต้องการซื้อสูงถึงประมาณ 7 พันล้านบาท  จากจำนวนที่เสนอขาย 2.2 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่สนใจซื้อหุ้นกู้ รุ่นอายุ 2 และปี 3 จำนวนมาก ส่วนรุ่นอายุ5ปี สนใจน้อย เนื่องจากตอนนี้นักลงทุนไม่มั่นใจที่จะลงทุนในหุ้นกู้อายุยาว เพราะยังมีกังวลจากที่ผ่านมาหุ้นกู้ของบริษัทขนาดใหญ่เกิดปัญหาไม่สามารถไถ่ถอน หรือ ชำระดอกเบี้ยได้

ดังนั้นจึงให้ความสนใจลงทุนหุ้นกู้อายุสั้นมากกว่า อย่างไรก็ตามหากจะลงทุนหุ้นกู้ระยะยาวอายุ 5 ปี 10 ปี ก็จะเลือกลงทุนหุ้นกู้ที่มีเรทติ้งระดับAAA

สำหรับหุ้นกู้ที่เสนอขายครั้งนี้ เพียง 2,200 ล้านบาท ไม่เต็มจำนวนที่หุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนด 3,000 ล้านบาท ในสิ้นเดือนก.ค.นี้  เนื่องจากบริษัทจะนำเงินสดมาชำระอีก800 ล้านบาท เพราะ ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดสูงถึง 1 หมื่นล้านบาทณ 31 มี.ค. ซึ่งทางคณะกรรมการ(บอร์ด)บริษัท อยากให้บริษัทมีการบริหารเงินสดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งหากมีโครงการลงทุนอยากให้ใช้เงินสดก่อน แทนการออกหุ้นกู้ เพราะ เงินสดที่ถืออยู่ฝากธนาคารไว้ ดอกเบี้ยที่ได้น้อยมาก ขณะที่ดอกเบี้ยจ่ายหุ้นกู้สูงกว่า และต้องจ่ายทันที

นางสาวออมสิน กล่าวว่า ส่วนผลการดำเนินงานปีนี้ บริษัทปรับลดเป้ารายได้ลงเล็กน้อย เนื่องจาก บริษัทเลื่อนส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า จำนวน 5,000 คัน เป็นไตรมาส4 ปี 2563 และทยอยส่งมอบครบภายในสิ้นปี 2564 จากกำหนดเดิมจะส่งมอบในไตรมาส 2ปี2563 และส่งครบภายในสิ้นปีนี้ ส่วนธุรกิจอื่นๆนั้นยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย

ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ระหว่างการเปิดเสนอขายหุ้นกู้ คือ บมจ.ทรีนีตี้ วัฒนา (TNITY) รวมไม่เกิน 200 ล้านบาท,  บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL)รวมไม่เกิน 600 ล้านบาทและ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE)มูลค่ารวมไม่เกิน 24,000 ล้านบาท