นายกฯ เคารพการตัดสินใจ '4กุมาร' ทิ้ง 'พปชร.'

นายกฯ เคารพการตัดสินใจ '4กุมาร' ทิ้ง 'พปชร.'

"พล.อ.ประยุทธ์" เคารพการตัดสินใจ "4กุมาร" ทิ้ง "พปชร." ชี้ "ปรับครม." วางกรอบ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปใครทำงานดีให้ทำต่อ

ภายหลังจากการตั้งโต๊ะแถลงข่าวลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ของกลุ่ม 4 กุมาร ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์รมว.พลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 

ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ก็เคารพการตัดสินใจ ถือเป็นเรื่องภายในพรรค และต้องเตรียมการพิจารณาว่า จะเดินหน้าอย่างไรต่อไป วันนี้ขอให้ท่านเชื่อมั่นระบบบริหารราชการแผ่นดินของเรา เชื่อมันในตัวผม และผมก็จะนำพาประเทศชาติในช่วงเวลานี้ไปให้ได้ ในส่วนการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นวิถีทาง ทางการเมือง การเข้ามาเป็นส.ส. การเข้ามาเป็นรัฐมนตรี การจะเข้ามาเป็นครม. การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องมีการไปพูดคุยเจรจากันอีกครั้ง คำตอบนี้  ยังไม่มีให้ว่าใครจะเป็น ใครจะเข้า ใครจะออก เพราะเราต้องคุยกับพรรคการเมือง พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามกลไกทางการเมือง ขอให้ใจเย็นๆ

เมื่อถามว่า ที่มีข่าวว่ากำหนดไว้ว่าเดือนกันยายนจะปรับครม.ถึงวันนี้จะเร็วขึ้นหรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า "ผมพูดเมื่อไหร่ว่าจะมีขึ้นในเดือนกันยายน ผมไม่เคยพูดจะปรับในเดือนกันยายนเลย พวกคุณไปตีความกันเอง"

เมื่อถามย้ำว่า ช่วงเวลาที่นายกฯ วางจะเป็นช่วงเดือนไหน "ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแต่ผมไม่ได้พูดว่าเป็นเดือนกันยายน" 

เมื่อถามว่า นายกฯ ไม่กำหนดชัดเจนว่าจะปรับครม.เมื่อใด ก็จะมีการวิ่งเต้นเพื่อขอตำแหน่งกันอีกพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า "วิ่งกับใคร ผมก็ยืนยันว่า ใครจะวิ่ง ใครจะอะไร คนวิ่งมากๆ ก็อาจจะไม่ได้ก็ได้ แต่ขอร้องว่าอย่าทำให้เกิดความสับสนอลหม่านได้หรือไม่ ใครจะวิ่งก็วิ่งไปเถอะ ผมจะตัดสินใจด้วยตัวของผมเอง และผมก็ต้องคุยกับหัวหน้าพรรคทุกพรรค" 

เมื่อถามว่า เมื่อ 4 กุมารไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพปชร.แล้วจะส่งผลต่อเก้าอี้รัฐมนตรีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องกลไกภายในพรรค เพราะสัดส่วนในการเข้ามาเป็นรัฐมนตรีมาจากพรรคการเมืองเป็นอันดับแรก โควต้าคนนอกก็เป็นอีกส่วนหนึ่งอย่าลืมว่าตนก็ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพปชร. เพราะฉะนั้น สัดส่วนรัฐมนตรีก็ต้องฟังจากพรรคเป็นหลัก การจะนำคนนอกเข้ามาก็เป็นโควต้าของเขา ตนก็ขอเขามาและเขาก็ให้ตนเข้ามาตรงนี้ รวมทั้งมีรัฐมนตรีหลายคนที่มากับตน

เมื่อถามว่า การที่ 4 คนลาออกจากพปชร. ถือว่าเป็นโควต้าของนายกฯ ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เดิมก็เป็นเช่นนั้นอยู่ และเป็นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นวันนี้ต้องไปดูว่าโควต้าเหมาะสมแล้วหรือยัง ใครจะได้เพิ่ม ใครจะได้ลดอย่างไรก็ไปว่ากันอีกที 

เมื่อถามว่า พูดได้หรือไม่ว่าการปรับครม.ครั้งหน้าจะเป็นการปรับใหญ่หรือจะปรับเฉพาะที่จำเป็น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เท่าที่จำเป็น ใครที่เขาทำงานดีอยู่แล้วก็ให้เขาทำงานต่อ ที่ผ่านมาทุกคนทำงานดีทั้งหมด ตนไม่ได้ว่าใครไม่ดี เพียงแต่กลไกทางการเมืองและวิถีทางการเมืองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อถามย้ำว่า โควตาของนายกฯ คือเฉพาะตำแหน่งเดิมที่มีอยู่ใช่หรือไม่ นายก​ฯ กล่าวว่า ตนถึงถามว่า เมื่อเอาเขาเข้ามาแล้ว จำเป็นจะต้องคืนเขาหรือเปล่า ต้องคืนเขาบ้างไหม จะมีคนนอกเข้ามาได้ตรงไหน ก็ต้องไปคุยกันอีก เพราะก็ผ่านมา 1  ปีแล้วก็ต้องคุยกันใหม่ 

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี บ้างหรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็มีการพูดคุยกันมาโดยตลอด นายสมคิดก็บอกว่า ท่านเองก็พร้อมทุกเรื่อง

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีกระแสข่าวโจมตีและขย่มนายสมคิดบ่อยครั้ง พอจะยืนยันได้หรือไม่ว่าไม่มีปัญหาระหว่างกัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า " ผมเองก็ต้องดู ก็มีการขย่มกันทั้ง 2 ฝ่าย สื่อก็รู้ว่าใครขย่มใคร แล้วใครขย่มกันอย่างไรวิธีไหน บางทีก็พูดกันไปเรื่อย สื่อก็เอาไปพาดหัวข่าวผมก็ไม่รู้ ผมก็ต้องดูว่าใครขย่มใคร และใครถูกใครผิด ผมก็จะตัดสินของผมเอง"

เมื่อถามว่า หากดูตามระยะเวลาแล้ว คิดว่าถึงเวลาที่จะปรับครม.แล้วหรือยัง ในขณะที่ยังมีวิกฤติหลายด้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พวกท่านก็รู้ว่ายังมีวิกฤติอยู่ วันนี้ก็ต้องทำงานกันไปก่อน แล้วเมื่อไหร่ที่ต้องปรับก็จะปรับของผมไป แต่ขอให้เชื่อมั่นในกลไกการบริหารราชการแผ่นดินที่ได้สร้างไว้ ใครจะไปใครจะมา ก็ต้องรักษากฎระเบียบของที่วางไว้ เราอาจจะยึดมั่นตัวบุคคลเป็นธรรมดาในเรื่องของความเชื่อมั่น แต่สิ่งสำคัญที่สุด ถ้าตัวบุคคลทำงานร่วมกันไม่ได้ก็อยู่ไม่ได้ถูกหรือไม่ 

เมื่อถามว่า แสดงว่านายกฯ ยึดนโยบายที่ทุกคนต้องสามารถสานต่องานที่วางได้ ถึงจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ล็อกถึงขนาดนั้น ตนจะพิจารณาเอง 

เมื่อถามว่า สิ่งสำคัญในการปรับครม.คืออะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เพื่อความสงบเรียบร้อย 

เมื่อถามว่า จะต้องปรับทัพครม.เศรษฐกิจ ใหม่ทั้งหมดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ครม.ใหม่ถ้าปรับก็ต้องปรับครม.เศรษฐกิจด้วย เพราะครม.เศรษฐกิจ มีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้องและในวันที่ 10 ก.ค.นี้ ตนได้เลื่อนการประชุมครม.เศรษฐกิจออกไปก่อน แต่ตนจะประชุมที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจทั้งหมดทั้งในและนอกระบบ มาพูดคุยและรับฟังความคิดเห็นของเขา ว่ามีแนวความคิดอย่างไร ตนถึงจะนำเข้าที่ประชุมครม.เศรษฐกิจ นี่คือการบริหารงานแบบนิวนอมอล

เมื่อถามว่า ดูจากฝีมือการทำงานของ4กุมารแล้วครั้งหน้า น่าจะได้กับเข้ามาเป็นรัฐมนตรีหรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะถามให้ได้สาระอะไรตรงนี้  ตอบไปแล้วในภาพรวมและท่านเหล่านี้ก็ทำงานกับผมมาโดยตลอด มีความสำเร็จมามากมายพอสมควร แต่ก็ต้องไปดูว่ากลไกทางการเมืองว่ากันอย่างไร  

เมื่อถามว่า หัวหน้าทีมเศรษฐกิจได้มองคนนอกไว้จริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็มองไว้ขึ้นอยู่กับว่า..." โดยเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงตรงนี้ ก็ได้พูดต่อว่า ก็มองไว้ทั่วทุกกลุ่ม ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมดูไว้ทั้งหมด รวมทั้งด้านสาธารณสุขก็ดู เพราะผมต้องรับผิดชอบทั้งครม. 

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าครม.จะเป็นที่ยอมรับ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนพูดแล้วว่า การยอมรัฐเป็นเรื่องยากมาก ต้องไปดูมิติอื่นๆ ร่วมด้วย การยอมรับไม่ยอมรับก็เป็นเรื่องของความเชื่อมั่นเชื่อถือ บางส่วนที่คนอยากให้เข้ามาทำงาน เขาก็ไม่อยากจะมา แต่เราก็ต้องเลือกคนที่ดีที่สุด ทุกกระทรวง ยืนยันว่า ยังไม่ได้ทาบใครเลย 

เมื่อถามว่า ที่นายกฯ ระบุว่าจะเปลี่ยนด้านความมั่นคงสาเหตุมาจากอะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนพูดในภาพรวมไม่ต้องมาสงสัย มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมทั้งสิ้น ผมทำผิดพลาดอะไรในตำแหน่งรมว.กลาโหม ถ้าไม่ผิดแล้วจะเปลี่ยนทำไม

เมื่อถามว่า วันนี้มีกระแสข่าวเสนอชื่อพล.อ.อนุพงษ์ ​เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มาเป็นรมว.กลาโหม แทน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า "ใครเสนอ ถ้าบอกว่ามีการเสนอตามหน้าข่าวต่างๆ ก็ต้องถามว่าใครเป็นคนเขียนข่าว เรื่องนี้ขอให้ฟังผมก็แล้วกัน" 

เมื่อถามว่า กระแสตีให้ 3 ป. แตกกันไม่มีความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงว่าเป็นไปไม่ได้