สปสช.เร่งสอบคลินิกชุมชนอบอุ่น 63 แห่งปลอมเอกสารเบิกงบบัตรทอง

สปสช.เร่งสอบคลินิกชุมชนอบอุ่น 63 แห่งปลอมเอกสารเบิกงบบัตรทอง

สปสช.เร่งสอบคลินิกชุมชนอบอุ่น 63 แห่ง มีเจตนาทุจริตเหมือนกรณี 18 คลินิกหรือไม่ พบการเบิกจ่ายเงินผิดปกติ “อนุทิน”ลั่นมีการปลอมแปลงเอกสารเบิกเงิน แต่ไม่มีการดูแลประชาชนจริง ยืนยันเอาผิดเต็มที่ทั้งทางแพ่ง อาญา เพิกถอนการเป็นสถานพยาบาล

      จากกรณีที่มีการตรวจพบคลินิกชุมชนอบอุ่น 18 แห่งมีการทุจริตเบิกงบประมาณคัดกรองโรค จากกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทอง เป็นเงินประมาณ 72 ล้านบาท และมีการขยายผลตรวจสอบเพิ่มเติมอีก 86 แห่ง พบ 63 แห่งที่เข้าข่ายผิดปกติเป็นเงินราว 2.4 ล้านบาท

         ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ก.ค.2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ดสปสช.) ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ว่า ในที่ประชุมบอร์ด สปสช.เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้รายงานว่ามีการสอบขยายผลคลินิกชุมชนอบอุ่นในกทม. 86 แห่ง พบการมีการปลอมแปลงเอกสารการเบิกเงินจาก สปสช. แต่ไม่มีการดูแลประชาชนจริง 63 แห่ง เรื่องนี้ถือว่าเป็นการทุจริตชัดเจน ที่ประชุมจึงได้มีการตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบว่าปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เรื่องการเบิกจ่ายเงินต้องมีการแก้ไขปรับปรุงอะไรหรือไม่

      “ เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้อีก ตรวจสอบว่ายังมีบิลปลอมอีกหรือไม่ ตอนนี้เรื่องเงินนั้นถือว่ายังไม่เสียหาย แม้ว่าหลายที่ยังไม่จ่ายคืน สปสช. แต่ยืนยันเอาผิดเต็มที่ทั้งทางแพ่ง อาญา เพิกถอนการเป็นสถานพยาบาล และถ้ามีแพทย์ พยาบาล ที่เกี่ยวข้องก็เอาผิดหมด รวมถึงการเอาผิดด้านจรรยาบรรณวิชาชีพด้วย”นายอนุทินกล่าว

       ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) มีการแถลงข่าว “การตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี 18 คลินิกชุมชนอบอุ่นทุจริตเบิกงบประมาณคัดกรองโรคกองทุนบัตรทอง” โดย นพ.ศักดิ์ ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการสปสช. ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. และนพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล ผอ.สปสช.เขต 13 กทม.

         นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า การตรวจสอบพบ 18 คลินิกเบิกงบบัตรทองเกินตามที่เป็นข่าวไปนั้นมาจากการตรวจสอบของทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เนื่องจากมีระบบตรวจสอบ และเราตรวจสอบพบตั้งแต่วันที่ 14-15 ส.ค.2562 ซึ่งตรงกับช่วงปีงบประมาณ 2562 ระหว่างวันที่ 1 ต.ค.2561- 30 ก.ย.2562 ซึ่งก็เป็นไปตามกระบวนการจนพบว่า เกิดความผิดปกติ อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่ 18 แห่งเท่านั้น สปสช.ยังขยายผลเพิ่มตรวจพบอีก 63 แห่งที่เข้าข่ายผิดปกติ แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า จะมีการดำเนินการผิดเหมือน 18 แห่งหรือไม่ ขณะเดียวกันจะมีการตรวจย้อนหลังไปจนถึงช่วงปี 2559 เพื่อให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้น

         ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีอดีตผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขโพสต์ข้อความว่า ให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดเนื่องจากอาจเชื่อมโยงกับอดีตผู้บริหารสปสช. หรือไม่ หรืออาจมีบริษัทรับจ้างตรวจสุขภาพทำข้อมูลเท็จ เลขาธิการสปสช. กล่าวว่า ไม่ต้องกังวล ขณะนี้มีการตรวจสอบทั้งหมด และเจ้าหน้าที่กองปราบปรามฯ กำลังดำเนินการเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ได้ยกเลิกสัญญาคลินิก 18 แห่งจากการเป็นหน่วยบริการ แต่ยังคงเปิดบริการได้จนกว่าจะรอทางกฎหมาย ซึ่งระหว่างนี้ผู้ใช้บริการยังคงใช้ได้เหมือนเดิม เพื่อลดผลกระทบ จนกว่าเราจะหาหน่วยบริการใหม่และจะแจ้งให้ทราบต่อไป

   ด้านนพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ยกเลิกสัญญาการเป็นหน่วยบริการของ 18 คลินิกแล้ว ซึ่งจะมีประชาชนที่รับบริการใน 18 แห่งจำนวน 215,271 คน โดยเป็นผู้ป่วยเรื้อรังประมาณ 1 หมื่นกว่าคน ซึ่งยังรับยาต่อเนื่องได้ที่คลินิกดังกล่าวก่อน และทางคลินิกก็ยังทำเรื่องเบิกกับทางสปสช.ได้ เพียงแต่ระหว่างนี้ทางสปสช.กำลังเจรจากับทางหน่วยบริการอื่นๆ เพื่อรองรับประชาชนในการย้ายหน่วยบริการ ซึ่งอาจดำเนินการเสร็จจะแจ้งทาง SMS หรือทางประชาชนหากสนใจว่าเป็นพื้นที่ของตนหรือไม่ให้โทรสอบถามได้ทางสายด่วน 1330 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือตรวจสอบสิทธิผ่านแอปพลิเคชันของสปสช. ชื่อ “สปสช. สร้างสุข” โดยสามารถตรวจสอบสิทธิกรณีได้ภายใน 1-2 วัน

      นพ.การุณย์ กล่าวว่า สำหรับคลินิก 63 แห่ง ที่พบการเบิกจ่ายเงินผิดปกติจำนวน 2.4 ล้านบาทนั้น ขณะนี้กำลังตรวจสอบรายละเอียดว่า มีเจตนาเหมือนกรณี 18 คลินิกหรือไม่ ซึ่งก็ต้องขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แม้ที่ผ่านมาสปสช. จะมีระบบคัดกรองก่อนการจ่ายเงินให้หน่วยบริการหลายขั้นตอน แต่เมื่อผู้มีเจตนาต้องการทำข้อมูลปลอม ข้อมูลที่เป็นเท็จ ก็ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น สิ่งสำคัญขณะนี้ได้วางรูปแบบป้องกันในอนาคตด้วยการจัดระบบพิสูจน์ตัวตนของผู้รับบริการ หรือที่เรียกว่า Smart card reader โดยก่อนรับบริการให้เสียบบัตรประชาชนเข้าระบบออนไลน์ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่ามีการใช้บริการจริง เบื้องต้นได้ลงนามร่วมมือกับทางธนาคารกรุงไทย และรพ.ศิริราช ก่อนจะขยายต่อไป ปัจจุบันคลินิกชุมชนอบอุ่นมีประมาณ 200 กว่าแห่ง แบ่งเป็นพื้นที่กทม. 190 แห่ง และพื้นที่ปริมณฑลอีก 30-40 แห่ง