'บิ๊กตู่' ย้ำปรับ ครม.แน่! หลังผ่านงบฯ 64

'บิ๊กตู่' ย้ำปรับ ครม.แน่! หลังผ่านงบฯ 64

"ประยุทธ์" ยันปรับ ครม.แน่นอน แต่รอร่างงบฯ 64 เสร็จก่อน ยอมรับเปลี่ยนตัว ครม.เองไม่ได้ ต้องฟังพรรคร่วมตามวิถีการเมือง มั่นใจดึงดูดเอกชน-ต่างชาติลงทุนหนุนเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และคณะทำงานนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังอาคารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ถนนวิภาวดีรังสิต โดยมี นายประชา เหตระกูล บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ พร้อมคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ และเข้าร่วมพูดคุยเพื่อรับฟังมุมมองในการขับเคลื่อนประเทศ 2 ประเด็น คือ 1.ประเด็นที่คนไทยและประเทศไทยของเราควรให้ความสำคัญในสถานการณ์ปัจจุบันอย่างไร 2.ปัจจัยที่จะช่วยผลักดันและขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความสำเร็จ โดยบรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างเป็นกันเอง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางมาพบปะกันในวันนี้ (9 ก.ค.) ไม่ได้มาเรื่องการเมือง แต่มารับการบ้านจากท่าน และอยากมารับฟังว่าพวกท่านมีความคิดเห็น หรือมีสิ่งใดในกิจการของพวกท่านที่จะสามารถช่วยในการแก้ปัญหาของประเทศ ส่วนเรื่องการเมืองก็ว่ากันไป ใครจะลาออก ก็ต้องปล่อยเขาไป แต่ถ้าถึงเวลาการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อไหร่ ตนปรับเอง แต่อย่าไปคิดกันเองว่าคนนั้นคนนี้จะได้ตำแหน่งอะไร ตอนนี้ตนคิดของตนอยู่ และเมื่อทุกอย่างพร้อม ก็จะปรับ อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าตอนนี้งานต่างๆกำลังเดินหน้าอยู่ ต้องมีคนทำงาน แต่ถ้ามีใครลาออก ก็ต้องหาคนอื่นมาแทน มันมีกฎหมายมีระเบียบดูแลเรื่องนี้อยู่ และระหว่างที่รัฐมนตรีกระทรวงนั้นๆไม่อยู่ ก็มีรัฐมนตรีคนอื่นทำแทนได้ แต่โดยรวมแล้วทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้นายกฯเพียงคนเดียว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือกลุ่ม 4 กุมาร ประกาศลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ ว่า ตนยังไม่รู้ เขาไม่ได้บอกตน แต่เขายังเป็นรัฐมนตรีอยู่จนกว่าจะมีการปรับครม. เมื่อถามว่าแล้วนายกฯยังจะใช้บริการรัฐมนตรีเหล่านี้ต่อไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ก็ต้องใช้สิ แต่เขาลาออกจากพรรค ถึงอย่างไรก็ต้องปรับมั้ง ต้องปรับตัวบุคคล เพราะมันเป็นวิถีทางการเมือง

ต่อข้อถามว่ามีบางฝ่ายเป็นห่วงว่าปรับ ครม. แล้ว อาจไม่ดีขึ้น หรืออาจได้ตัวบุคคลที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะเริ่มมีการเสนอชื่อบางคนขึ้นมา ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปรับครม.มีกลไกที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ทั้งกลไกการเมือง กลไกเรื่องประชาธิปไตย กลไกที่เกี่ยวกับ ส.ส. ส่วนการที่มีข่าวชื่อของบางคนว่าจะมาเป็นรัฐมนตรีแล้วขึ้นมาถูกวิพากษ์วิจารณ์มากนั้น มันมี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งแสดงให้เห็นว่าคนที่ถูกวิจารณ์อาจไม่เหมาะสม แต่อีกส่วนหนึ่งคือ คนที่ออกมาวิจารณ์อย่างนั้น เขาเป็นคนที่อยากได้ตำแหน่ง แต่ไม่ได้ถูกเสนอชื่อก็ได้ จึงไปถล่มคนอื่น

ทั้งนี้ การตั้ง ครม. ก็ต้องมีสัดส่วนของพรรคการเมืองที่มาร่วมรัฐบาล ขณะที่พรรคต่างๆมีส.ส.ที่มาจาการเลือกตั้งโดยประชาชน เมื่อถามว่านายกฯมีโควตากลางของตัวเอง นายกฯ ย้อนถามว่า ของตนมีกี่คน 9 คนหรือ แต่พรรคที่มาร่วมรัฐบาลมีสัดส่วนของเขาด้วย ตนต้องขอสัดส่วนให้กับพรรคต่างๆเช่นกัน

เมื่อถามว่าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เดินต่อไปจากนี้จะสร้างความมั่นใจต่อรัฐบาลได้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเป็นคนเดิมอยู่ และต้องยึดเจตนารมย์ของตนและยุทธศาสตร์ของตน ประเทศเดินได้ด้วยยุทธศาสตร์ พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดและทุกคนที่ร่วมรัฐบาลต้องยึดยุทธศาสตร์ตรงนี้ ซึ่งตนไม่ยอมให้ใครมาล้มได้ แต่ถ้ารัฐมนตรีคนเก่าไม่อยู่แล้ว ต้องหาคนใหม่ ถ้าใครยังอยู่ต่อ ก็ต้องดูว่าพรรคเขาจะว่าอย่างไร ตนสั่งไม่ได้ทั้งหมด เพราะมีเรื่องพรรคเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้การปรับครม.เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะตนไม่เคยพูดว่าจะไม่ปรับ แต่ต้องให้ประเทศเดินหน้าไปก่อน ต้องรอให้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 เสร็จเรียบร้อยออกมาก่อน และการใช้งบประมาณในการดูแลและฟื้นฟูเศรษฐกิจเริ่มมีความคืบหน้า เป็นไปอย่างเรียบร้อยและชัดเจนก่อน จากนั้นจึงจะปรับครม.เพื่อให้รัฐบาลเดินหน้าต่อไปอย่างไม่ติดขัด ตนในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล มั่นใจว่ามีแรงดึงดูดมากเพียงพอที่จะสร้างความมั่นใจให้ประชาชน นักธุรกิจ และต่างประเทศได้ ส่วนใครจะมาร่วมครม.บ้างนั้น อยู่ที่แต่ละพรรคดูความเหมาะสม