แกว่งตัวรอปัจจัยใหม่

แกว่งตัวรอปัจจัยใหม่

คาด SET แกว่งตัว 1,355 – 1,370 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ลดลง 11 จุด (-0.78%) ปิดที่ 1,362 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6.6 หมื่นล้านบาท ตามความกังวลยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่ในสหรัฐกลับมาเร่งตัว ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกมีรายงานเกิด Second wave อาทิ ออสเตรเลีย และ สเปน หุ้นกลุ่มธุรกิจน้ำมันถูกเทขาย โดยเฉพาะโรงกลั่น เนื่องจากมีข่าวเชิงลบจากซาอุฯ ประกาศเพิ่มราคาขาย OSP ส่งผลให้ต้นทุนการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นกระทบค่าการกลั่นของผู้ประกอบการโรงกลั่น ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,211  ล้านบาท  แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 7,654 ล้านบาท และ Net TFEX SET50 +3,841 สัญญา 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,355 – 1,370 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะมีความคาดหวังเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวขึ้นเป็น V shape หลังตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐ ยุโรป และจีนขยายตัวขึ้นชัดเจนในเดือนที่ผ่านมา ประกอบกับแรงเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่งบ 2Q20 จะเติบโตขึ้นเป็นตัวหนุนดัชนี อย่างไรก็ตามเชื้อไวรัส Covid-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นในหลายประเทศโดยเฉพาะยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐที่พุ่งสูงมากถึง 6.1 หมื่นราย/วันนั้นจะเป็นกดดันให้ภาวะตลาดอ่อนตัวลง

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มอาหาร (TU, CPF, GFPT, TFG) และ กลุ่มอิเล็คฯ (KCE, DELTA, HANA) ได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าลง
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น (TOP, PTTGC, SPRC, BGRIM, CKP, TASCO, STA, SPALI)
  • กลุ่ม Defensive ในช่วงตลาดผันผวน (INTUCH, TTW, DIF)

หุ้นแนะนำวันนี้

  • TU (ปิด 13.5 ซื้อ/เป้า 15.3) ได้ Sentiment บวกจากค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและเงินยูโร ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการ 2Q20 มีแนวโน้มที่จะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 900-1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ราคายังมี downside จำกัด เพราะมี P/E ต่ำเพียง 13 เท่า คิดเป็น -2.5SD
  • TKN (ปิด 10.80 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 12) แนวโน้มผลกำไรจะทยอยฟื้นตัว qoq ยอดขายในจีนเริ่มกลับสู่ภาวะปกติตั้งแต่กลางเดือน พ.ค. การจับมือ Orion ซึ่งเป็น Distributor รายใหญ่ในจีน ประกอบกับกิจกรรมเศรษฐกิจของจีน (PMI การผลิตและบริการ) ที่ฟื้นตัวจะหนุนยอดขายของ TKN ในจีนเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

บทวิเคราะห์วันนี้

RS (ปิด 16.3 ปรับลดเป็นถือ/เป้าใหม่ 14 เดิม 15.5), STGT (ปิด 68.5 ถือ/เป้าใหม่ 73.5 เดิม 45.5)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ดาวโจน์ฟื้นตัว 177 จุด ยังมั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐกลับมาฟื้นตัว หลังเจ้าหน้าที่เฟดคาดอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 7% ภายในสิ้นปีนี้ (ปัจจุบัน 11.1%): ดัชนีดาวโจนส์กลับมาเพิ่มขึ้น 177 จุด (+0.68%) ปิดที่ 26,067 จุด หลักๆ มาจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ แอปเปิล อิงค์ (+2.33%) และไมโครซอฟท์ คอร์ป (2.2%) เนื่องจากนักลงทุนยังคาดหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะทยอยกลับมาฟื้นตัวหลังจากที่ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจในหลายกิจกรรมเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ รวมถึงการจ้างงาน นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนเพิ่มขึ้นหลังจาก นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขา เซนต์หลุยส์ คาดว่าอัตราว่างงานของสหรัฐมีแนวโน้มลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 8% หรืออาจลดลงมาอยู่ที่ระดับ 7% ภายในสิ้นปีนี้ เทียบจากปัจจุบันอยู่ที่ 11.1%
  • (-) Covid-19 ระบาดในสหรัฐยังน่าเป็นห่วง ล่าสุดมีจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นทะลุ 6 หมื่นรายทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์: เราคาดว่าปัญหาการระบาดของไวรัส Covid-19 จะยังเป็นปัจจัยลบสำคัญคอยกัดเซาะภาวะเศรษฐกิจและบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไปจนกว่าจะมีการพัฒนาวัคซีนแล้วเสร็จ โดยปัจจุบันสหรัฐเป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสมากที่สุด ซึ่งล่าสุด worldometer รายงานว่าสหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นอีก 6.1 หมื่นราย ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง ส่งผลให้สหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อรวม 3.1 ล้านราย และ เสียชีวิต 1.3 แสนราย ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 12.1 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิต 5.5 แสนราย จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอาจจะทำให้หลายประเทศอาจต้องกลับมาปิดเศรษฐกิจหรือ lockdown รอบใหม่ ทำให้เศรษฐกิจอาจจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้
  • (+) ราคาน้ำมันดิบยังประคองตัวเหนือระดับ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้สต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น: วานนี้ EIA รายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรลสวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 3.7 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบยังเพิ่มขึ้น 28 เซนต์ (+0.7%) ปิดที่ระดับ 40.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนให้น้ำหนักไปที่ข่าวการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นและตัวเลขสต๊อกน้ำมันเบนซินที่ลดลงบ่งชี้ได้ว่าความต้องการพลังงานโดยรวมในสหรัฐยังเพิ่มขึ้น โดย สหรัฐนำเข้าน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 7.39 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจาก 5.97 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่สต๊อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน