พบเพิ่มอีก "63คลินิก"ข้อมูลไม่ถูกต้อง เรียกเงินคืนบัตรทอง2.4ลบ.

พบเพิ่มอีก "63คลินิก"ข้อมูลไม่ถูกต้อง เรียกเงินคืนบัตรทอง2.4ลบ.

สปสช.พบเพิ่มอีก 63 แห่ง คลินิกชุมชนอบอุ่นข้อมูลไม่ถูกต้อง เตรียมเรียกเงินคืนกลับบัตรทองอีกกว่า 2.4 ล้านบาท พร้อมตั้งคกก.สอบสวนข้อเท็จจริง 18 คลินิกเดิมทุจริตเบิกเงินคัดกรองโรค สั่งเร่งดำเนินคดีแพ่ง คดีอาญา เพิกถอนสถานพยาบาล

   เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน มีวาระพิจารณาการตรวจสอบการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคพื้นฐานคลินิกชุมชนอบอุ่น จากกรณีพบคลินิกชุมชนอบอุ่น 18 แห่ง ตกแต่งตัวเลขเบิกจ่ายค่าบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคในกลุ่มของโรคเมตาบอลิก

       นายอนุทิน กล่าวว่า หลังจากที่ได้ตรวจสอบพบข้อมูลการเบิกจ่ายค่าบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคในกลุ่มของโรคเมตาบอลิกของคลินิกชุมชนอบอุ่น 18 แห่ง ไม่น่าเชื่อถือ เช่น ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้รับบริการได้รับบริการจริง, ไม่สามารถติดต่อผู้รับบริการจากเบอร์โทรศัพท์ที่บันทึกในเอกสาร และมีการแก้ไขข้อมูลน้ำหนัก ส่วนสูง เพื่อให้เข้าเกณฑ์ตรวจคัดกรอง เป็นต้น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เร่งดำเนินการกับคลินิกชุมชนอบอุ่นทั้ง 18 แห่งจากความเสียหายที่เกิดขึ้นและในวันนี้ บอร์ด สปสช. เห็นชอบตามที่ สปสช.เสนอ โดยให้ สปสช.เรียกเงินส่วนที่หน่วยบริการเรียกเก็บเกินจริง ซึ่งในกรณีที่หน่วยบริการไม่คืนเงิน ให้ สปสช.มีอำนาจระงับค่าใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ พร้อมกันนี้ให้ดำเนินการตามกฎหมายทั้งในคดีแพ่งและอาญา ดำเนินการทางวินัยและสภาวิชาชีพ เพื่อขอให้เพิกถอนความเป็นสถานพยาบาล

        นอกจากนี้ บอร์ด สปสช.ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้นนี้ โดยมี นายจิรวุสฐ์ สุขได้พึ่ง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธาน ให้ดำเนินการแล้วเสร็จ 30 วัน

       “กรณีนี้เป็นการฉ้อโกงภาษีประชาชน ฉ้อโกงเงินราชการ เป็นการให้บริการแต่ผู้รับบริการไม่มีตัวตน เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ต้องสอบสวนที่มาที่ไป และเรื่องนี้ สปสช.เป็นผู้เสียหายคนแรก ต้องดำเนินการกับคลินิกเหล่านี้ให้ถึงที่สุด โดยขณะนี้ สปสช.ได้แจ้งความดำเนินคดีกับคลินิกทั้ง 18 แห่ง และได้เพิกถอนการเป็นหน่วยบริการในระบบ สปสช.แล้ว นอกจากนี้ได้ให้ สปสช.เตรียมหาหน่วยบริการแห่งใหม่เพื่อรองรับประชาชนที่ขึ้นทะเบียนในหน่วยบริการดังกล่าว และให้เลขาธิการ สปสช. แถลงรายละเอียดการดำเนินการทั้งหมด เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและสร้างความเข้าใจต่อสาธารณะต่อไป” นายอนุทิน กล่าว

         ด้านนพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ในการดำเนินงาน “กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” สปสช.ให้ความสำคัญต่อการตรวจสอบการใช้งบประมาณมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการที่ได้วางระบบเฝ้าระวัง ติดตามและตรวจสอบ ซึ่งกรณีพบการตกแต่งตัวเลขเบิกจ่ายค่าบริการในคลินิกชุมชนอบอุ่น 18 แห่งที่ปรากฎเป็นข่าวนี้ ก็เป็นผลจากระบบการตรวจสอบของ สปสช. ที่ได้ตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีการเบิกจ่ายบริการคัดกรองความเสี่ยงโรคเมตาบอลิกในคลินิกชุมชน 45 แห่งที่ให้บริการสูงสุด เมื่อวันที่ 14-15 ส.ค. 62 โดย สปสช.เขต 13 กทม. พบข้อมูลการเบิกจ่ายของคลินิก 18 แห่ง ไม่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ขยายผลตรวจสอบคลินิกชุมชนอบอุ่นเพิ่มเติมอีก 86 แห่ง พบข้อมูลไม่ถูกต้อง 63 แห่ง เตรียมเรียกเงินคืนอีกกว่า 2.4 ล้านบาท

          ทั้งนี้ สรุปมติบอร์ด สปสช.วันที่ 8 ก.ค.63 การดำเนินการกรณีพบหน่วยบริการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเกินจริง ดังนี้ ด้านหน่วยบริการ 1.ระงับการจ่ายค่าบริการทางการแพทย์จากเงินพึงได้ทั้งหมดของหน่วยบริการทั้ง 18 แห่ง และเรียกคืนเงินตามจำนวนที่ตรวจสอบพบว่าการเบิกจ่ายไม่ถูกต้อง 2.ดำเนินการแจ้งความคดีอาญา (กองปราบปราม) 3.ดำเนินการตามกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล โดยส่งเรื่องกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ รวมทั้งสภาวิชาชีพ เพื่อดำเนินการเรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพ 4.ยกเลิกสัญญาและประกาศยกเลิกการเป็นหน่วยบริการ ของหน่วยบริการทั้ง 18 แห่ง

          ด้านประชาชน เพื่อสร้างความมั่นใจในการได้รับบริการอย่างต่อเนื่องตามความจำเป็น 1.เตรียมหน่วยบริการประจำ เพื่อรองรับประชาชนที่ลงทะเบียนไว้กับหน่วยบริการทั้ง 18 แห่งดังกล่าว ทั้งนี้สำนักงานจะประชาสัมพันธ์และจัดระบบการขึ้นทะเบียนใหม่ให้ประชาชนอย่างเร็วที่สุด 2.ในระหว่างรอการลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการประจำแห่งใหม่ ประชาชนสามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการรับส่งต่อ หรือที่หน่วยบริการใกล้บ้านที่ใดก็ได้ตามความจำเป็น

        ด้านระบบในภาพรวม 1.ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อพิจารณารายละเอียดของปัญหาอย่างเป็นระบบ การบริหารจัดการภายในของ สปสช. รวมทั้งระบบการตรวจสอบการเบิกจ่ายค่าบริการและคุณภาพบริการ เพื่อดูว่ามีจุดใดที่ต้องพัฒนาปรับปรุงเพิ่มเติม และจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาการดำเนินงานต่อไป