MAKRO - ถือ

MAKRO - ถือ

ประมาณการ 2Q63: กำไรลดลงทั้ง YoY และ QoQ

Event

เราคาดกำไรสุทธิของ MAKRO ใน 2Q63 จะอยู่ที่ 954 ล้านบาท (-19% YoY และ -43% QoQ) เนื่องจากได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่จากมาตรการ lockdown ประเทศในช่วงที่ COVID-19 ระบาด ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิใน 1H63 ลดลง 3% YoY เหลือ 2.6 พัน ลบ. คิดเป็น 39% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

lmpact

SSSG อ่อนแอเพราะเสียรายได้จากภาคการท่องเที่ยว

กิจกรรมทางเศรษฐกิจในเดือนเมษายนชะลอตัวลงเนื่องจาก i) มีการยกเลิกงานฉลองเทศกาลสงกรานต์  ii) มีการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  iii) มีการห้ามเดินทางข้ามจังหวัด และ iv) มีการห้ามทำการบินระหว่างประเทศ ส่งผลให้ SSSG ของลูกค้าทุกกลุ่มของ MAKRO ติดลบ โดยเฉพาะกลุ่ม HORECA
(โรงแรม ร้านอาหาร และ Catering) ซึ่งคิดเป็น ~30% ของยอดขายรวม ถึงแม้จะเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการ lockdown ลงบ้างในเดือนพฤษภาคม แต่การฟื้นตัวยังไม่มากเพราะยังมีข้อจำกัดอยู่ (อย่างเช่นการจำกัดจำนวนที่นั่งในร้านอาหาร) ดังนั้น เราจึงคาดว่า SSSG ของ MAKRO ใน 2Q63 จะติดลบอยู่ที่ - 3.5% YoY ทั้งนี้ บริษัทเปิดสาขาใหม่ 1 สาขาเพื่อให้บริการด้านอาหาร ทำให้จำนวนสาขาทั้งหมดเพิ่มเป็น 141 แห่ง (อยู่ในประเทศไทย 135 สาขา และต่างประเทศ 6 สาขา)

คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเหลือ 9.4%

เนื่องจากสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร (รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) ซึ่งปกติจะเป็นสินค้าที่มี margin สูงถูกห้ามขายระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม จึงทำให้สัดส่วนสินค้าอาหารสดและอาหารแห้งมีน้ำหนักมากขึ้น ดังนั้น เราจึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเหลือ 9.4% (จาก 9.5% ใน 2Q62 และ 10.1% ใน 1Q63) ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นใน 1H63 อยู่ที่ 9.7% (ต่ำกว่าสมมติฐานปีนี้ของเราที่ 10.5%) ในขณะเดียวกัน เราคาดว่า SG&A จะเพิ่มขึ้น 7% YoY และ 2% QoQ เนื่องจากค่าใช้จ่ายก่อนเปิดดำเนินงานของสาขาในเมียนมาร์ และการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาช่องทางขายสินค้าออนไลน์

มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศจะช่วยหนุนให้กำไรฟื้นตัวใน 2H63

มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวล่าสุด “เราไปเที่ยวด้วยกัน” มูลค่า 2.2 หมื่นลบ. ซึ่งผ่านการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีแล้วจะช่วยหนุนการท่องเที่ยวในประเทศและรายได้จากลูกค้ากลุ่ม HORECA ใน 2H63 แต่อย่างไรก็ตาม การจับจ่ายใช้สอยที่ลดลงของภาคครัวเรือนจากการว่างงานที่เพิ่มขึ้นก็จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ดังนั้น เราคาดว่ากำไรใน 2H63 จะลดลง YoY ซึ่งอาจจะทำให้ประมาณการกำไรปีนี้ของเรามี downside อีกประมาณ 8-10% และทำให้ประมาณการกำไรปี 2563F หดตัว 3% YoY

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” และให้ราคเป้าหมาย DCF 1H64 ที่ 38.00 บาท โดยใช้ WACC ที่ 8.2% R(f) ที่ 3.1% และ LT-growth ที่ 2.0%

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง ราคาพืชผลลดลง ขยายสาขาได้น้อยกว่าที่คาดไว้ วัฒนธรรมการบริโภค ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากการขยายกิจการในต่างประเทศ