CPALL - ถือ

CPALL - ถือ

ประมาณการ 2Q63: กำไรจะลดลงทั้ง YoY และ QoQ

Event

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ CPALL ใน 2Q63 จะอยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท (-45% YoY, -53% QoQ) เนื่องจาก SSSG ลดลงถึง 17% เพราะได้รับผลกระทบจากการใช้มาตรการ lockdown ประเทศ ซึ่งจะฉุดให้กำไรสุทธิใน 1H63 ลดลงมาอยู่ที่ 8.3 พันล้านบาท (-21% YoY) คิดเป็น 42% ของประมาณการกำไรปีนี้

lmpact

SSSG หดตัวแรงเนื่องจากมาตรการ lockdown ประเทศ

เราคาดว่า SSSG ใน 2Q63 จะอยู่ที่ -17% YoY (จาก -4.0% ใน 1Q63 และ +3.7% ใน 2Q62) เนื่องจาก i) มีการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ~1 เดือน :เราใช้สมมติฐานว่ายอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คิดเป็น ~8% ของยอดขายรวมของ CVs ii) มีการปิดร้านตอนกลางคืนในช่วงที่มีการประกาศ curfew: เราใช้สมมติฐานว่ายอดขายสินค้าตอนกลางคืนคิดเป็น ~10% ของยอดขายรวมของ CVs และ iii) มีการห้ามทำการบินระหว่างประเทศ: เราใช้สมมติฐานว่าจะไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเลยจากที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 9 ล้านคนใน 2Q62 ซึ่งมีการใช้จ่าย 50,000 บาท/เที่ยว/คน ทั้งนี้ เนื่องจากข้อจำกัดในช่วงที่ COVID-19 ระบาด เราจึงคาดว่าจะมีการเปิดสาขาใหม่ใน 2Q63 เพียงแค่ 50 ร้านเท่านั้น ซึ่งจะทำให้จำนวนสาขาทั้งหมดเมื่อสิ้นงวด 2Q63 อยู่ที่ ~12,000 ร้าน

Margin ที่เพิ่มขึ้นจากประเภทสินค้าใน CVs ถูกหักล้างไปบางส่วนกับสินค้าในธุรกิจ cash and carry

เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจากสินค้าของร้านสะดวกซื้ออยู่ที่ 26.9% (จาก 26.8% ใน 1Q63 และ 26.9% ใน 2Q62) เนื่องจาก i) สินค้าประเภทอาหาร จากเมนูที่เพิ่มขึ้นของร้าน All cafe อาหารพร้อมทาน และอาหารสด ii) สินค้าประเภทที่ไม่ใช่อาหาร จาก หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคแต่อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นรวม (consolidate gross margin) จะอยู่ที่ 22.2% (-0.3ppts YoY, +0.1ppts QoQ) เนื่องจากยอดขายของธุรกิจ cash and carry (MAKRO) มีสัดส่วนสูง ทั้งนี้ เราคาดว่า EBIT margin อยู่ที่ 4.1% (จาก 5.7% ใน 2Q62 และ 6.2% ใน 1Q63) เนื่องจากการประหยัดต่อขนาดลดลง

ราคาหุ้นในตลาดน่าจะสะท้อนความเสี่ยงจากดีล Tesco ไปเรียบร้อยแล้ว

เราได้ระบุเอาไว้ในบทวิเคราะห์ CPALL เรื่อง "Wating" ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ว่าการเข้าซื้อ Tesco จะส่งผลกระทบกับมูลค่าหุ้น CPALL 3-8 บาท/หุ้น ซึ่งอาจจะทำให้ราคาเป้าหมายของเราอยู่ในช่วง 71 – 76 บาท เราเชื่อว่าราคาหุ้นในตลาดได้สะท้อนความเสี่ยงนี้ไปเรียบร้อยแล้ว และน่าจะมี
downside จำกัด ทั้งนี้ เรายังไม่ได้ใส่ดีล Tesco เข้าไว้ในประมาณการกำไรของเรา

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” และให้ราคาเป้าหมาย DCF 1H64 ที่ 79.00 บาท อิงจาก WACC ที่ 8.0%, R(f) ที่ 3.1% และ T(g) ที่ 2.5% ทั้งนี้ เราคิดว่าหลังประกาศงบ 2Q63 เป็นจังหวะที่ดีที่จะกลับมาทบทวนแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรใน 2H63

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง ขยายสาขาใหม่ได้ช้ากว่าที่คาดไว้ เกิด disruption จากเทคโนโลยีใหม่ ถูกยกเลิกสัญญาให้ใช้ตรายี่ห้อ 7-Eleven ความเสี่ยงด้านการขนส่งสินค้า