'ปิยบุตร' ลงลำปางเขย่า 'เลือกตั้งท้องถิ่น'

'ปิยบุตร' ลงลำปางเขย่า 'เลือกตั้งท้องถิ่น'

"ปิยบุตร" โอดถูกจนท.รัฐติดตามหลังนำทีมคณะก้าวหน้าลุยเหนือ ประเดิมที่แรกลำปางลั่นไม่มี "เลือกตั้งท้องถิ่น" มาเกือบทศวรรษ หมดข้ออ้างเลื่อนแล้ว

เมื่อวันที่ 7 ก.ค.63 ที่ศาลาเอนกประสงค์ วัดป่ารวก เขตเทศบาลนครลำปาง อ.เมือง จ.ลำปาง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ นางเยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ร่วมพูดคุยสถานการณ์การเมืองท้องถิ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางมาในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนือ คือจังหวัดลำปาง ลำพูน แพร่ เชียงใหม่ เชียงราย ระหว่างวันที่ 7-13 ก.ค.63 เพื่อรณรงค์ความสำคัญของการเมืองท้องถิ่น

159413946060

นายปิยบุตร กล่าวว่า ถึงแม้พรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบไปแต่กรรมการบริหารของพรรคอนาคตใหม่ ยังคงดำเนินงานสานต่ออุดมการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ต่อในนามคณะก้าวหน้า มีภารกิจสำคัญ 3 เรื่องคือการปักธงทางความคิด การเลือกตั้งท้องถิ่น และขยายเครือข่ายในทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยยึดหลักสองข้อ คือไม่ซื้อสิทธิซื้อเสียง และจะไม่ใช้อิทธิพลกลุ่มการเมืองเดิมในการรณรงค์เลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งแนวนโยบายยุติรัฐราชการรวมศูนย์ เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ ในภาษาไทยเราคุ้นเคยกับคำว่ากระจายอำนาจนั่นแปลว่าอำนาจอยู่ที่ส่วนกลางแล้วต้องกระจายกลับมาให้เรา หากเรามองมิติใหม่ว่าแท้จริงแล้วอำนาจ ทรัพยากร คน มีอยู่ที่นี่อยู่แล้ว แต่วิธีการบริหารในบางช่วงบางตอนของประวัติศาสตร์ไช้วิธีการรวมอำนาจทั้งหมดกลับไปที่ส่วนกลาง

159413947662

จนวันนี้ก็ยังไม่กลับมา เราจึงต้องทวงอำนาจกลับมาที่ท้องถิ่น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงเลือกใช้คำว่า ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ แทนคำว่า กระจายอำนาจ เพราะอำนาจมีอยู่ที่นี่มาก่อนแล้ว เมื่อมีการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 คราวนี้นอกจากที่ไม่ได้ทำให้การกระจายอำนาจ แต่ยังกลับถอยหลังเข้าคลองจนตอนนี้เรายังไม่รู้เลยว่าจะได้เลือกตั้งท้องถื่นเมื่อไหร่ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ จะเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ ส่วนตัวเชื่อว่าหมดข้ออ้างที่จะอ้างอีกต่อไปแล้วว่าทำไมถึงมีการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่ได้ ขอให้ทุกท่านติดตามการรณรงค์เลือกตั้งท้องถิ่นของคณะก้าวหน้าต่อไป เราจะทวงคืนอำนาจกลับมาที่ท้องถิ่น

นอกจากนี้ นายปิยบุตร ยังกล่าวถึงกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามถ่ายภาพที่เวทีกิจกรรม และนำกล้องวงจรปิดมาติดบริเวณรอบๆ ว่า ถ้าผมและทีมงานเที่ยวติดตามสอดส่องผู้กำกับ สารวัตร นายพล หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าวันหนึ่งไปทำอะไรพวกท่านจะรู้สึกอย่างไร แต่ทำไมเจ้าหน้าที่จึงติตดามผมทุกครั้งเวลาไปต่างจังหวัด ถึงวันนี้ผมยังไม่ทราบเลยว่าใช้อำนาจตามกฎหมายใด นี่ไม่ใช่เรื่องรักษาความปลอดภัยตามที่อ้างกัน เพราะมาถึงก็ตั้งกล้องถ่ายวิดิโอ ถ่ายภาพทะเบียนรถของผู้มาร่วมงาน เหมือนเล่นสงครามจิตวิทยา เมื่อผมออกจากพื้นที่ก็ไล่โทรสอบถามว่าใครเป็นคนจัดงาน ถามว่าเจ้าอาวาสอนุญาตให้จัดงานไหม นักศึกษามาจากไหน

กรณีนี้จะมาอ้างว่า ถ้าไม่ได้ทำผิด จะกลัวทำไมไม่ได้ การถามแบบนี้คือกลับตาลปัตรชัดๆ ต้องถามกลับไปที่เจ้าหน้าที่ต่างหากว่า ผมมีเสรีภาพ ไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานราชการฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องมาตามทุกฝีก้าว แทนที่จะถามว่าไม่ได้ทำอะไรผิด จะกลัวทำไม ต้องถามกลับต่างหากว่า เจ้าหน้าที่และผู้บังคับบัญชาผิดปกติหรือเปล่าที่สั่งให้ตามผม ทุกวันนี้