ญี่ปุ่นเตือนภัยสูงสุด ‘ฝนหนัก’ ต่อเนื่อง 

ญี่ปุ่นเตือนภัยสูงสุด ‘ฝนหนัก’ ต่อเนื่อง 

หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินทางตะวันตกของญี่ปุ่นต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมและดินถล่มที่ยังติดอยู่ในพื้นที่ ผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 50 ราย และวานนี้กรมอุตุฯญี่ปุ่นยังประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดให้เฝ้าระวังฝนตกหนักและดินถล่มบนเกาะคิวชู

วานนี้ (7 ก.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดให้ประชาชนเฝ้าระวังฝนตกหนักและดินถล่มบนเกาะคิวชู ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่น หลังจากฝนตกหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่เช้าตรู่วันเสาร์ (4 ก.ค.) และจะตกไปจนถึงวันพฤหัสบดี (9 ก.ค.) 

ยอดผู้เสียชีวิตจากภัยธรรมชาติครั้งนี้สูงขึ้นทุกขณะ ยูทาโร มาซากิ เจ้าหน้าที่ในเขตคุมาโมโต ที่ถูกฝนถล่มหนักสุดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ผู้เสียชีวิตยืนยันแล้วมี 49 คน อีกคนหนึ่งคาดว่าน่าจะเสียชีวิตเช่นกัน

“ตอนนี้เราต้องทำงานแข่งกับเวลา ยังไม่ได้กำหนดเส้นตายว่างานช่วยเหลือผู้ประสบภัยจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ แต่เราต้องเร่งมือค้นหาและให้ความช่วยเหลือพวกเขาเพราะเวลางวดลงไปทุกที ถึงอย่างนั้น เราจะไม่ยอมแพ้จนวินาทีสุดท้าย” มาซากิกล่าวเมื่อเช้าวานนี้

ทางการต้องระดมเจ้าหน้าที่กว่า 40,000 นาย ทั้งตำรวจ พนักงานดับเพลิง เจ้าหน้าที่ยามชายฝั่ง และทหาร เข้าช่วยเหลือประชาชน ที่ยังสูญหายอีกราว 12 คน

สภาพในพื้นที่แม่น้ำสายต่างๆ ล้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมพื้นที่ริมฝั่ง พัดสะพานขาดและท่วมถนนต่างๆ จนกลายเป็นเวิ้งทะเลสาบ ทำให้ความพยายามกู้ภัยเป็นไปอย่างยากลำบากเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ได้ทางเรือหรือโดยเฮลิคอปเตอร์เท่านั้น

โนบุโกะ มูราคามิ หญิงชราวัย 78 ปี ที่บ้านถูกโคลนถล่มเสียหายกล่าวกับสื่อในท้องถิ่นว่า เธอนอนไม่หลับเลย เพราะฝนกระหน่ำเหมือนฟ้าร้อง เธออาศัยอยู่ที่นั่นมากว่า 50 ปี แต่ไม่เคยเห็นฝนที่ตกหนักขนาดนี้ และยังไม่ทราบว่าจะกลับเข้าบ้านได้เมื่อใด

ด้านเคนทาโร โออิชิ เจ้าของธุรกิจล่องแพในบ่อน้ำพุร้อนเมืองฮิโตโยชิ กล่าวว่า ถูกเจ้าหน้าที่กู้ภัยเรียกไปช่วยงาน เขาต้องเปลี่ยนจากล่องแพพานักท่องเที่ยวไปเที่ยว เป็นช่วยเหลือชาวบ้านที่ติดน้ำท่วมแทน

“ผมมีประสบการณ์พายเรือมากว่า 20 ปี แต่ไม่เคยนึกฝันว่าจะต้องมาพายเรือผ่าเมืองแบบนี้ บอกตรงๆ ผมกลัวมาก ไม่เคยเห็นน้ำในแม่น้ำขึ้นเร็วขนาดนี้มาก่อน”

มีรายงานว่าผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย เป็นผู้สูงอายุในบ้านพักคนชราที่ต้องใช้รถเข็นไม่สามารถหนีขึ้นที่สูงเองได้ตอนน้ำไหลเข้าท่วม

สิ่งที่ทำให้การกู้ภัยยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ก็คือการระบาดของไวรัสโคโรนา แม้เทียบกับหลายๆ ประเทศแล้วญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อน้อยกว่า ไม่ถึง 20,000 ราย และผู้เสียชีวิตไม่ถึง 1,000 คน ทางการแนะนำให้ประชาชนหลายแสนคนอพยพออกจากบ้านเรือนไปอยู่ในศูนย์พักพิงแต่การต้องรักษาระยะห่างทำให้ที่พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนได้น้อยลง

ในเมืองยัตสึชิโร เจ้าหน้าที่ปรับโรงยิมในท้องถิ่นให้เป็นที่พักชั่วคราวรับผู้ประสบภัย โดยแต่ละครอบครัวจะถูกกั้นด้วยแผ่นกระดานพลาสติกลูกฟูกเพื่อช่วยป้องกันการระบาดของไวรัสไปด้วย

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า บางคนชอบที่จะพักในรถมากกว่าศูนย์พักพิงชั่วคราวที่จัดไว้ให้เพราะไม่อยากเสี่ยงติดเชื้อโควิด

เจ้าของธุรกิจในพื้นที่บางรายที่บอบช้ำจากไวรัสโคโรนาอยู่แล้ว เมื่อเกิดภัยธรรมชาติก็ยิ่งซ้ำเติมปัญหาให้หนักหน่วงยิ่งขึ้นไปอีก

ยูจิ ฮาชิโมโต เจ้าของกิจการท่องเที่ยวในบ่อน้ำพุร้อนยัตสึชิโรเขตคุมาโมโต เล่าว่า แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามของเมืองเปลี่ยนสภาพไปอย่างมากเพียงชั่วข้ามคืน

“ความเสียหายที่เกิดขึ้นเกินกว่าที่เราจินตนาการเป็นอะไรที่กะทันหันมาก เป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะที่พักตากอากาศน้ำพุร้อนของเราประสบปัญหาจากไวรัสโคโรนาอยู่แล้วไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราอีก” เจ้าของธุรกิจรำพึง

ขณะนี้ญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงฤดูมรสุม ที่มักก่อให้เกิดน้ำท่วมและโคลนถล่มอยู่บ่อยๆ แต่ภาวะโลกร้อนก็ดูเหมือนมีส่วนซ้ำเติมด้วย เพราะอากาศอุ่นขึ้นทำให้ฝนตกมากขึ้น หนักหน่วงขึ้น น้ำท่วมรุนแรงขึ้น

ในปี 2561 มีประชาชนมากกว่า 200 รายที่เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมหนักในภูมิภาคนี้