เบื้องลึก! พปชร. รื้อรอบสอง เพิ่ม 10 รองหัวหน้าพรรค

 เบื้องลึก! พปชร. รื้อรอบสอง เพิ่ม 10 รองหัวหน้าพรรค

พรรคพลังประชารัฐ หรือ พปชร. ไม่ลงตัว นัดประชุมแก้ข้อบังคับพรรคอีกรอบ 10 ก.ค. เปิดทางเพิ่ม "รองหัวหน้าพรรค” เป็น 10 คน “นิพันธ์” จ่อนั่งโควตาภาคใต้ “เด็กธรรมนัส” เชียร์นายขึ้นชั้น รมว.

การปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลังจากเลือกกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.)ชุดใหม่เสร็จสิ้น ทว่าตำแหน่งต่างๆ ในพรรคยังไม่ลงตัว โดยล่าสุดยังไม่สามารถแต่งตั้งตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคได้เนื่องจากโควตา 9 ตำแหน่งที่กำหนด ยังไม่ครอบคลุมทุกภาคทั่วประเทศ

แหล่งข่าวจาก พปชร. เปิดเผยว่า กำลังจะมีการประชุมใหญ่สามัญของพรรคครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ก.ค. เวลา 15.00 น. ที่ทำการพรรค ตึกรัชดาวัน ถนนรัชดาภิเษก โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพปชร. เป็นประธานการประชุม จะมีวาระคัดเลือกผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 5 จ.สมุทรปราการ ซึ่งคาดว่า พปชร.ยังคงส่ง นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ลงเลือกตั้งในเขตดังกล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมจะพิจารณาแก้ไขข้อบังคับพรรค เรื่องให้อำนาจหัวหน้าพรรคแต่งตั้งรองหัวหน้าพรรค จากมติเดิมที่ประชุมใหญ่สามัญพรรคครั้งแรก แก้ไขให้แต่งตั้งได้ไม่เกิน 9 คนนั้น การประชุมในวันที่ 10 ก.ค.จะเสนอแก้ไขอีกครั้ง โดยให้แต่งตั้งรองหัวหน้าพรรคได้ไม่เกิน 10 คน

สำหรับว่าที่รองหัวหน้าพรรคที่วางตัวไว้ 10 คน ประกอบด้วย 1.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 2.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 3.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 4.นายไพบูลย์ นิติตะวัน 5.นายวิรัช รัตนเศรษฐ 6.นายสุชาติ ชมกลิ่น 7.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า 8.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน 9.นายสันติ พร้อมพัฒน์ ควบ ผอ.พรรค และ10.นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง เพิ่มขึ้นมา เพื่อให้มีรองหัวหน้าพรรคครอบคลุมยุทธศาสตร์ และภารกิจพรรคในทุกภาคทั่วประเทศ

โดยในสัดส่วนของภาคใต้นั้น เดิมมีชื่อ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส ที่ถูกสนับสนุนให้เป็นรองหัวหน้าพรรค แต่นายสัมพันธ์ปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าต้องการดูแลพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เต็มที่ จึงเปลี่ยนเป็นนายนิพันธุ์แทน โดยรายชื่อทั้งหมดรอ พล.อ.ประวิตร ลงนามแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ

“เอกราช”เชียร์“ผู้กองมนัส”นั่งรมว.

ส่วนกระแสปรับครม.ที่รอสัญญาณจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังคงมีแรงสนับสนุนแกนนำ พปชร.อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้สัมภาษณ์ที่ศูนย์ประสานงานพรรค พปชร.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยระบุว่าจากที่รับฟังเสียงของประชาชน พบว่ามีหลายอย่างที่ควรจะปรับ ครม. แต่อำนาจสูงสุดคือการตัดสินใจของท่านนายกฯ

ตนในฐานะ ส.ส.พื้นที่ จึงขอสื่อไปถึงนายกฯ ว่า จุดใดที่ควรจะปรับ เพื่อให้ดีขึ้น จุดใดควรกวดขันเพื่อให้แน่นขึ้น ในการที่ดูแลประชาชนให้สมกับการเป็นพรรคแกนหลักของรัฐบาล ซึ่งในการปรับ ครม.รอบนี้ ควรให้ความเป็นธรรมกับคนของพรรคเราเองด้วย เพราะเราคือพรรคหลักของรัฐบาล จึงอยากให้มองคนของตัวเองด้วย

“ผมในฐานะสมาชิกพรรค และส.ส.ของพรรค อาจจะย่อยลงมาคือเป็นคณะทำงานร่วม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ทุกคนทำงานทุ่มเท ทำงานเพื่อพรรคมาโดยตลอด การเลือกตั้งซ่อม ทุกเขตของ หัวหอกสำคัญของพรรค ก็คือ ร.อ.ธรรมนัส ดังนั้นหากมีการปรับครม.จริง ส.ส.ของพรรคและสมาชิกพรรคหลายคนคงขอเสนอให้ ร.อ.ธรรมนัส ได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น คือในระดับรัฐมนตรีว่าการ” นายเอกราช กล่าว

นายเอกราช กล่าวต่อว่า หากนำไปเทียบในตำแหน่งเดียวกัน โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการ ยอมรับว่าหลายท่านที่ดำรงตำแหน่งนั้นคุณสมบัติหรือผลงานนั้นไม่สู้ ร.อ.ธรรมนัส ดังนั้นกลุ่ม ส.ส. เครือข่ายเพื่อนเอกราช ในพื้นที่ภาคอีสาน พร้อมที่จะให้การสนับสนุน ร.อ.ธรรมนัส ได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น ภายใต้การตัดสินใจของนายกฯ และหัวหน้าพรรคพปชร.

“สุเทพ”ลั่นรปช.จองเก้าอี้แรงงาน

ทางด้านท่าทีพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรค รปช.
ตอบข้อถามสื่อมวลชน ในงานทำบุญวันเกิดครบรอบปีที่ 71 ถึงการปรับครม.ว่า ในฐานะแกนนำ รปช. เรามอบให้นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการบริหารพรรครปช. ไปดำรงตำแหน่งรมว.แรงงาน เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของนายกฯ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของครอบครัวผู้ใช้แรงงาน ที่ประสบภาวะว่างงานจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เราจะทำให้กระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญของบ้านเมือง

"ผมได้รับคำถามบ่อยมากว่า ยังจะได้ดูแลตำแหน่ง รมว.แรงงานอยู่หรือไม่ ก็ขอเรียนว่าประเทศไทยวันนี้ต้องฟังนายกฯ ซึ่งนายกฯ ก็ประกาศชัดเจน โดยที่ผมไม่ได้พูดจา ประสบสอพลอ เพราะไม่ได้มีตำแหน่งอะไรด้วย สำหรับจังหวะเวลาที่จะปรับ ครม. ต้องขึ้นอยู่กับนายกฯ พวกเราเข้าใจสถานการณ์ดีว่าจะต้องมีจังหวะมีเวลา ขณะนี้หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลก็คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และผมก็ยังไม่ได้ยินเสียงของนายกฯ ว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลย และทุกวันนี้ก็เท่ากับว่านายกฯ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเสียด้วยซ้ำไป” นายสุเทพ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การทำบุญเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 71 ปี ของนายสุเทพ ได้มีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งแกนนำพรรค รปช.เข้าร่วมงานอย่างคึกคัก

“สุดารัตน์”วอนหยุดซื้ออาวุธ-เช่ารถ1-2ปี

ส่วนความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้าน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ท้วงติงถึงความเหมาะสมการจัดงบประมาณปี 2564 ว่า งบเสริมสร้างกำลังกองทัพทั้ง 3 เหล่าทัพของกระทรวงกลาโหม ตั้งผูกพันตั้งแต่ปี 2561-2566 ณ ปี 2564 ยังเหลืออยู่ตั้ง 117,000 ล้านบาท ยังมาตั้งงบใหม่ในปี 2564 อีกเกือบ 30,000 ล้านบาท รวมทั้งงบสร้างเสริมยุทโธปกรณ์ บวกซ่อมแซมอีกกว่า 10,000 ล้านบาท

“ควรเอาเงินกว่า 40,000 ล้านบาทนี้ ไปจ้างเกษตรกรปลูกพืชปรับปรุงดินก่อน ซึ่งจะทำให้ได้ประโยชน์คุ้มค่ากว่า สามารถช่วยเกษตรกรได้เกือบ 3 ล้านครอบครัว ขอถามพล.อ.ประยุทธ์ว่า หยุดซื้ออาวุธ หยุดสร้างอาคารใหม่ หยุดเช่ารถใหม่สัก 1-2 ปี จะได้ไหม เพราะประเทศกำลังเผชิญสึนามิเศรษฐกิจ”

โฆษกรัฐชี้อาวุธ80%ของเก่า

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงกรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้นายกฯ นำงบ 64 ของกระทรวงกลาโหม สำหรับซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ไปกู้วิกฤติเศรษฐกิจว่า การตั้งงบประมาณผูกพันข้ามปี สำหรับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการผลิต และการแบ่งชำระ ขณะนี้ประเทศมีความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนอาวุธยุทโธปกรณ์ให้มีความเพียงพอ เหมาะสม

“ที่ผ่านมาไม่ได้มีการสนับสนุนงบให้มีการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ๆ ทำให้ปัจจุบันมีอาวุธยุทโธปกรณ์เก่าประมาณร้อยละ 80 และเพื่อทดแทนไม่ให้ต้องเสียงบประมาณในการซ่อมบำรุง ขณะเดียวกันที่ผ่านมาภารกิจป้องกันตามชายแดนต้องใช้กำลังพลจำนวนหลายหมื่นคนในการดูแลพื้นที่ ทำให้การแก้ปัญหาชายแดนสามารถยุติได้ระดับหนึ่งจากภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ”

“วรงค์”ปูด15ชื่อไม่ได้รับโอนเมย์เดย์

ส่วนกรณีตรวจสอบโครงการเมย์เดย์เมย์เดย์ รับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ของคณะก้าวหน้า ล่าสุด นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก หนึ่งในผู้ตรวจสอบเรื่องนี้ระบุว่า ตนสุ่มตรวจจากรายชื่อผู้ได้รับเงินบริจาค โดยพบว่ามี 15 รายชื่อ ไม่ได้มีการโอนเงินจริง เป็นเพียงชื่ออวตาร จึงอยากให้คณะก้าวหน้าเอาสเตทเมนต์มายืนยันว่า มีการจ่ายเงินจริงหรือไม่

“ตอนนี้ผมมีข้อมูลในมือแล้วว่า เขาไม่ได้โอน เพียงแต่ให้เกียรติเขา เพื่อเอาหลักฐานสเตทเมนต์มาโชว์ได้ไหม ถ้าโชว์ไม่ได้ อาจต้องมีเรื่องต่อ เพราะเงินที่รับโอนมา ไปเก็บไว้ที่ไหน มีการทุจริตเกิดขึ้นแล้วในโครงการ เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน พวกคุณเรียกร้องให้ฝ่ายอื่นโปร่งใสตรวจสอบได้ วันนี้พวกคุณได้เงินประชาชนไป จะต้องตรวจสอบได้”

“ช่อ”ท้าตรวจสอบในชั้นศาล

ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ชี้แจงเรื่องเงินบริจาคว่า มีหลักฐานการโอนเงินกว่า 2,431 คน รวมทั้ง 15 รายชื่อที่ นพ.วรงค์ กล่าวหาว่าเป็นอวตาร โดยได้ชี้แจงผ่านเพจคณะก้าวหน้า และจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับ นพ.วรงค์ รวมถึงนายบุญเกื้อ ปุสสเทโว อดีตผู้ช่วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ตนมองว่าการออกมากล่าวหาเป็นเกมการเมืองที่ไม่ลงทุน และหวังดิสเครดิตทางการเมือง

“ยืนยันว่าการยื่นฟ้องหมิ่นประมาททั้ง 2 คน ไม่ได้ต้องการใช้กฎหมายเพื่อปิดปาก แต่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างว่า ไม่ควรมีใครถูกใส่ร้ายป้ายสีโดยปราศจากหลักฐาน ซึ่งได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปยื่นฟ้องนายบุญเกื้อ ก่อนจะรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้อง นพ.วรงค์ต่อไป”

ส่วนจะให้ 15 รายชื่อที่ถูกกล่าวหา ออกมาแสดงตัวยืนยันกับสังคมหรือไม่นั้น น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า จะเป็นการรบกวน แต่ขอให้สื่อไปตรวจสอบเอง และหาก นพ.วรงค์ อยากเห็นหลักฐานการโอนเงินทั้งหมด ขอให้ไปดูในชั้นศาล