'อีเอ‘ ผนึก’ เน็กซ์  ปูทางขึ้นแท่นผู้นำตลาดอีวี

 'อีเอ‘ ผนึก’ เน็กซ์   ปูทางขึ้นแท่นผู้นำตลาดอีวี

ธุรกิจโรงไฟฟ้ากลับมาอยู่ในสายนักลงทุนอีกครั้ง เมื่อบรรดาผู้ประกอบการหลายรายอาศัยช่วงเศรษฐกิจทรุดเร่งขยายการลงทุนเพื่อเตรียมพร้อมการเติบโตในอนาคต ซึ่งบางรายช้อปกระหน่ำระดับหมื่นล้านบาท สวนทางกับที่หลายธุรกิจเก็บตุนเงินสดและลดค่าใช้จ่าย

ความเคลื่อนไหวในหุ้นกลุ่มนี้ และต้องตามต่อตลอดสัปดาห์ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ที่จะมีดีลเข้าไปลงทุนในในบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ซึ่งจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติรายการ 10 ก.ค. นี้ ทำให้ราคาหุ้น EA มาปิดที่ 48.00 บาทบวก  9.71 % และหุ้น NEX ปิด 4.64 บาท บวกไปถึง 14.85 % 

โดย EA ส่งบริษัทย่อย อีเอ โมบิลีตี โฮลดิง หรือ EMH เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงแก่บุคคลในวงจำกัด (PP) ของ NEX จำนวนไม่เกิน 670 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 40.013 % มูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 1,500 ล้านบาท และขอเว้นการทำคำเสนอซื้อหุ้นหรือ    เทนเดอร์ ออฟเฟอร์หุ้นทั้งหมดของ NEX

การเข้ามาลงทุนในหุ้น NEX แม้ไม่ได้ยู่ในแผนการลงทุนในปี 2563 แต่ชัดเจนว่าเป็นการเน้นไปที่การเติบโตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ปูทางไปยัตสาหกรรมขนส่งครบวงจร จากการปรับงบลงทุนในปีนี้เพิ่มขึ้นสวนกระแสเศรษฐกิจจาก 7,000 ล้านบาท กระโดนขึ้นเป็น 12,388 ล้านาท หรือเพิ่มขึ้น เกือบ 80 %

โดยมีการจัดสรรงบลงทุนในการลงทุน บริษัท แลนด์พรอสเพอริตี้ จำกัด ( LPH) 40% โครงการแบตเตอร์รี่ 26% , เข้าลงทุนในผลิตเรือยนต์ไฟฟ้า หรือ E - Ferry 11%, ลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV Car 9% , สถานีชาจน์ 3%

โครงการลงทุนกรีนดีเซล และ PCM 7% ,ธุรกิจพลังงาน 2 % เดินหน้า B 100 อีก 1 % และอีก1 %เป็นงานวิจัยและพัฒนา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายรายได้ในปีนี้ จากธุรกิจไบโอดีเซล และ และรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

ปัจจุบัน NEX เป็นผู้ผลิตและรับจ้างผลิตชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ที่มีขนาดเล็ก ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า ธุรกิจให้เช่ารถบัสโดยสารในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ผ่านบริษัท สมาร์ทบัส จำกัด และยังประอบไปด้วยศูนย์ซ่อมบำรุง ที่ถือหุ้นโดย NEX ซึ่งมีสัญญาซ่อมรถของสมาร์ทบัส เบื้องต้นจำนวน 500 คัน ทำให้ยังดำเนินธุรกิจเช่า และปล่อยลิสซิ่ง รถบัส

‘อมร ทรัพย์ทวีกุล’ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA มองถึงดีลดังกล่าว เป็นการเพิ่มช่องทางในการขยายธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอร์รี่โดยบริษัทไม่จำเป็นต้องลงทุนเพื่อผลิตและทำตลาดเอง

เมื่อ EA ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้วสามารถขยายไปยังตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่ได้เพิ่มขึ้น ต่อยอดจากรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่ทำอยู่ ซึ่ง NEX มีจุดแข็งของเครือข่ายในการจัดจำหน่ายที่แข็งแรงอยู่แล้วโดยเฉพาะกลุ่มรถบัสและ Truck ที่มีช่องทางการจำหน่ายที่ดี ที่สำคัญการลงทุนครั้งนี้ไม่ได้ใช้เงินจำนวนมากในการลงทุนเองทั้งหมดและมูลค่าลงทุนไม่เกิน 1,500 ล้านบาทนั้นไม่ได้กระทบฐานะทางการเงิน เพราะเงินลงทุนมาจากกระแสเงินสดภายในของบริษัทที่ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจโรงไฟฟ้า โดยมีอยู่ค่อนข้างมากและเพียงพอ ซึ่งคาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จในสิ้นเดือน ก.ค. นี้

ที่ผ่านมาธุรกิจรถไฟฟ้าของ EA นั้นมีการวางแผนเปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2561-2562 และเตรียมส่งมอบล็อตแรกในช่วงครึ่งปีแรกนี้ แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้แผนดังกล่าวล่าช้าออกไปเป็นช่วงไตรมาส 4 ปี 2563 แทน ส่งผลต่อแผนการขยายธุรกิจส่วนนี้ไปด้วย

จากที่ผ่านมาประเด็นบวกที่จะเพิ่มมูลค่าให้หุ้นมาจากธุรกิจใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น หลังจากธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งพลังงานทดแทน บริษัทสามารถจำหน่ายไฟเชิงพาณิชย์ได้แล้ว (COD) แบ่งเป็นพลังงานไฟฟ้า 278 เมกะวัตต์ และพลังงานลม 386 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถสร้างรายได้เติบโตได้อย่างสม่ำเสมอ จากรายได้ปีไตรมาส 1 ปี 2563 อยู่ที่ 4,761 ล้านาท เพิ่มขึ้น 54 % และกำไร 1,452 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20 %

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินผลการดำเนินงานธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ธุรกิจไบโอดีเซลรับอานิสงส์ดีมานด์ฟื้นตัวหลังการคลายล็อกดาวน์ อีกทั้งเตรียมปลดล็อกธุรกิจโรงงานผลิตแบตเตอรี่ จากการเข้าลงทุนในหุ้น NEX ซึ่งประกอบธุรกิจประกอบรถบัส จึง แนะ“เก็งกำไร” หุ้น EA เป้า Consensus ที่ราคา 52.40 บาท