“เคทีซี” หันรุกสินเชื่อจำนำทะเบียน หนุนสร้างรายได้เพิ่ม

 “เคทีซี” หันรุกสินเชื่อจำนำทะเบียน หนุนสร้างรายได้เพิ่ม

“เคทีซี” หันโฟกัสสินเชื่อพี่เบิ้มแบบมีหลักประกัน หวังสร้างรายได้แทดแทนส่วนอื่น หลังธปท.ลดเพดานดอกเบี้ย เดินหน้าปักธงสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและรถมอไซด์ เน้นขยายฐานจากกลุ่มลูกค้าเดิมบอกต่อ ย้ำความเสี่ยงต่ำกว่าและมีโอกาสขยายตัวได้10-100 เท่าในระยะข้างหน้า

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 3..ที่ผ่านมาว่า  จากมาตรการการปรับลดเพดานดอกเบี้ยจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  ทำให้มีช่องว่างของการลดดอกเบี้ยระหว่างสินเชื่อมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ราว1%  และในภาวะเช่นนี้การขยายสินเชื่อมีหลักประกัน มีความเสี่ยงน้อยกว่า เพื่อยังรักษาเป้าหมายการเติบโตส่วนอื่นในปีนี้ด้วย

ดังนั้น หลังจากนี้บริษัทจะหันมามุ่งเน้นขยายสินเชื่อพี่เบิ้มที่เป็นสินเชื่อมีหลักประกัน อย่างสินเชื่อจำนำทะเบียน ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่น่าจะมีโอกาสสร้างการเติบโตที่ดีในระยะยาว ควบคู่ไปกับการขยายสินเชื่อพิโก้ไฟแนนซ์และนาโนไฟแนนซ์ด้วย ซึ่งบริษัทมีความยืดหยุ่นในการให้บริการสินเชื่อครบวงจร พร้อมนำเสนอตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้ ถือเป็นจุดแข็งและสามารถโอกาสเข้ามาชดเชยในส่วนที่หายไปได้ จากการที่ธุรกิจบัตรเครดิตต้องเข้มงวดพิจารณาลูกค้าใหม่มากขึ้นและมีรายได้ดอกเบี้ยลดลงมากกว่า

ปัจจุบันแม้สินเชื่อพี่เบิ้มในส่วนของสินเชื่อจำนำทะเบียน ยังมียอดสินเชื่อประมาณ100ราย หรือเฉลี่ยปล่อยสินเชื่อเดือนละคัน ถือว่าไม่มีมาก คิดเป็นยอดสินเชื่อราว10-20ล้านบาท  มีสัดส่วนรถจักรยานยนต์และรถยนต์เท่ากัน ในช่วงเริ่มทำตลาดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ปล่อยสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าเดิมของเคทีซี แต่ปัจจุบันเริ่มมีลูกค้าใหม่เข้ามาจากการบอกต่อเข้ามามากขึ้น ดังนั้น บริษัทจึงมั่นใจว่า จะสามารถขยายได้สินเชื่อจำนำทะเบียนได้ 10-100เท่าในอนาคต แต่ต้องขยายไปพร้อมกังระบบหลังบ้านของเคทีซีที่รองรับได้เป็นหลัก

นายระเฑียร กล่าวอีกว่า สำหรับเคทีซีมีธุรบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่แข็งแรงมาก และเชื่อมั่นว่า การมุ่งขยายธุรกิจใหม่อย่างสินเชื่อพี่เบิ้มจะเป็นอีกหนึ่งหน่วยธุรกิจที่แข็งแรงในระยะข้างหน้า เนื่องจากบริษัทได้แยกหน่วยธุรกิจออกมาชัดเจน และทดลองโมเดลธุรกิจในรูปแบบต่างๆ จนมั่นใจแล้วจึงขยายธุรกิจนี้  แม้ช่วงแรกจะของธุรกิจใหม่จะมีขาดทุนและต้องปรับตัวในการขยายฐานธุรกิจ มองว่า ปัญหาช่วงแรกยังไม่มากและมีทีมชุดย่อยแยกออกมาสามารถปรับแก้ได้ทันท่วงที

ในช่วงนี้อาจมีข้อจำกัดจากปัจจัยต่างๆภายนอก  เราจึงหันมามุ่งเน้นขยายสินเชื่อที่มีหลักประกันขณะที่สินเชื่อมีหลักประกันอย่าง พิโก้ไฟแนนซ์ พบว่า แนวโน้มยังมีปัญหาจากการที่ต้องเปิดสาขาที่ละจังหวัดในการให้บริหารสินเชื่อ ดังนั้น สินเชื่อจำนำทะเบียนด้วยดอกเบี้ยที่ถูกกว่าหรือราว 2-3%ต่อเดือน สามารถเข้าช่วยเหลือคนบางกลุ่ม เช่น กลุ่มแรงงานในโรงงาน ที่ต้องการเงินแต่เข้าไม่ถึงแหล่งเงินจากสถาบันการเงินต้องไปใช้เงินกู้นอกระบบดอกเบี้ย10-20%ต่อเดือน เราก็สามารถช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ได้ด้วย