ธุรกิจแหล่งเที่ยวผวาอาฟเตอร์ช็อก ‘ปาลิโอ เขาใหญ่’ ปิดตัวเซ่นโควิด

ธุรกิจแหล่งเที่ยวผวาอาฟเตอร์ช็อก ‘ปาลิโอ เขาใหญ่’ ปิดตัวเซ่นโควิด

วิกฤติโควิด-19 ร้ายแรงจนเกิด “อาฟเตอร์ช็อก” สร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ล่าสุดคือกรณีการปิดกิจการของโครงการ “ปาลิโอ เขาใหญ่” และ “โรงแรมบาลิออส” ของบริษัท บลิส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่มีชื่อของตระกูล “มาลีนนท์” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

ก่อนหน้าจะเปลี่ยนมือมาเป็นของบริษัท บลิสฯ โครงการปาลิโอ เขาใหญ่ ถือกำเนิดขึ้นจากการรวมตัวของกลุ่มเพื่อน 5 คน ได้แก่ ธีรพจน์ จรูญศรี ประธานกลุ่มจุลดิศ, วินัย ธาดาสีห์ เจ้าของพรีโม พอสโต, วิชัย วราศิริกุล อดีตเอกอัครราชทูตไทย, อำนาจ คีตพรรณนา สถาปนิกและนักจัดสวนระดับประเทศ และพิษณุ นิลกลัด กูรูกอล์ฟชื่อดัง

เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปลายปี 2552 ตั้งอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ได้รับความนิยมในฐานะแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตที่นักท่องเที่ยวต้องแวะไปเช็คอินถ่ายภาพ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปโทนสีส้มและเหลืองสไตล์อิตาเลียน ภายในโครงการมีร้านค้ากว่า 120 ร้าน ก่อนจะขายกิจการทั้งโครงการปาลิโอและโรงแรมจุลดิศ เขาใหญ่ ให้บริษัท บลิสฯ เมื่อปี 2554 รวมมูลค่า 344 ล้านบาท

ยังคงต้องติดตามว่าบริษัท บลิสฯ จะเจรจากับกลุ่มทุนใหม่ให้มาเทคโอเวอร์ไปดำเนินกิจการต่อ หรือเลือกไม่ขายกิจการ หันไปพัฒนาคอนเซ็ปต์พลิกโฉมใหม่ขึ้นมาแทน

ทั้งนี้ โครงการปาลิโอ เขาใหญ่ ไม่ใช่ธุรกิจแหล่งท่องเที่ยวรายแรกที่ประสบวิกฤติโควิด-19 จนต้องปิดกิจการ ก่อนหน้านี้กลุ่มณุศาศิริได้ปิดโครงการ “เลเจนด์ สยาม” สวนสนุกเชิงวัฒนธรรมเมืองพัทยา มีผลเมื่อวันที่ มี.ค.ที่ผ่านมา หลังเพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปลายปี 2561 ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 4 พันล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ 164 ไร่ ติดถนนสุขุมวิท พัทยาใต้ พื้นที่ก่อสร้างทั้งหมดรวม 1 แสนตารางเมตร

เหตุผลหลักมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยและโลก รวมถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้ภาคท่องเที่ยวไทยชะลอตัว นักท่องเที่ยวยกเลิกการเดินทางมากกว่าที่คาด ทำให้ไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ ประสบภาวะขาดทุนสะสมต่อเนื่อง และขาดสภาพคล่องทางการเงินในการดำเนินธุรกิจ

ชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ให้มุมมองในภาพรวมว่า การปิดกิจการของธุรกิจท่องเที่ยวล้วนมีเหตุผลแตกต่างกันไป แต่ที่แน่ๆ คือสถานการณ์ของหลายๆ องค์กรในตอนนี้กระแสเงินสดกำลังลดลง โดยส่วนใหญ่ถือเงินสดเพียงพอกับค่าใช้จ่ายสำหรับ 3 เดือน นานที่สุดคือ 6 เดือน

ส่วนกรณีของโครงการปาลิโอ เขาใหญ่ ปิดกิจการ มองว่า “เขาใหญ่” เป็นจุดหมายที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไทยมากกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่าได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวไทยที่หดหาย แม้จะเดินทางไปท่องเที่ยวจริง แต่ไม่ได้จับจ่ายมากนัก และยังนิยมเดินทางไปแค่ช่วงสุดสัปดาห์

“ขนาดเขาใหญ่เป็นจุดหมายยอดนิยมของคนไทย ธุรกิจแหล่งท่องเที่ยวยังสะเทือนหนักขนาดนี้ คาดว่าธุรกิจแหล่งท่องเที่ยวในเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ก็น่าจะสะเทือนเช่นกัน ทั้งในพัทยา ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติน่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะตลอดไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยหดตัวเหลือเพียงศูนย์”

สทท.กังวลว่ากลุ่มธุรกิจแหล่งท่องเที่ยวและอื่นๆ จะสามารถ “ยืนระยะ” ได้นานถึงสิ้นปี 2563 หรือไม่ จึงต้องการให้ภาครัฐเร่งหา “จุดสมดุล” ระหว่างการดูแลความปลอดภัยของประชาชนจากโรคโควิด-19 และการดูแลภาคธุรกิจท่องเที่ยวทั่วประเทศซึ่งมีกว่า 6 หมื่นรายให้สามารถเดินต่อไปได้ ด้วยการเร่งพิจารณาทดลองเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวงจำกัด หรือ “ทราเวล บับเบิล” แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาจับจ่าย หนุนไตรมาส 3 นี้มียอดชาวต่างชาติมาไทยขยับเพิ่มเป็นอย่างน้อย 5% จากศูนย์ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา หลังจากตลอดปี 2562 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนเกือบ 40 ล้านคน

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ประเทศไทยเริ่มผ่อนคลายอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้าไทยได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป ภายใต้เงื่อนไขเป็นการเดินทางจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดในระดับใกล้เคียงกับไทย หรือมีการทำทราเวลบับเบิล ซึ่งคาดว่าจะเป็นการเดินทางจากประเทศจีน (ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน) ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหภาพยุโรป และประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น

โดยในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 คาดว่าความสามารถในการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศจากต่างประเทศกลับมาเฉลี่ย 10% จากแผนการบินเดิม เนื่องจากข้อจำกัดด้านดีมานด์การเดินทางที่เป็นไปตามเงื่อนไขการทำทราเวลบับเบิล คาดจะเริ่มเห็นการกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างชัดเจนในไตรมาสที่ 4 นี้

“ททท.คาดว่าปี 2563 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 8.2 ล้านคน ลดลง 80% สร้างรายได้ 3.96 แสนล้านบาท ลดลง 80% จากปีที่แล้ว” ผู้ว่าการ ททท.กล่าว