Quantamental (7 ก.ค.63)

Quantamental (7 ก.ค.63)

ยังไม่น่ามีสัญญาณของฟองสบู่แตกเร็วๆนี้ แต่พักฐานอาจจะมีบ้าง

SET index เดือน มิ.ย. เคลื่อนไหวตามคาด

บทวิเคราะห์เดือน มิ.ย. เราคาดดัชนี SET index ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง แต่เริ่มมีความเสี่ยงที่จะพักฐานบ้างหลังรีบาวด์แรง โดยในเดือน มิ.ย. Short-term Momentum แรงกว่าคาดในช่วงต้นเดือน มิ.ย. ทำให้ SET index ทะลุผ่านแนวต้าน 1,380 จุด และ 1,400 จุด ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ประเด็นข่าวลบจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (Regulation risk) ทำให้เกิดการพักฐานหลังทำจุดสูงสุดบริเวณ 1,454 จุด ขณะเดียวกัน Consensus ปรับลดประมาณการ EPS ปี 2563 ลงเล็กน้อย -2.7% MoM เป็น 65.36 บาท/หุ้น

Valuation พื้นฐานยังไม่เปลี่ยน: iERP และ M-yield gap ทรงตัวเทียบเดือนก่อน

Consensus ปรับลดประมาณการ EPS และ DPS ลงในเดือนที่ผ่านมา แต่ SET index สิ้นเดือน มิ.ย. ได้ปรับตัวลงเช่นกัน (เทียบกับสิ้นเดือน พ.ค.) ส่งผลให้ iERP และ M-yield gap ณ สิ้นเดือน มิ.ย.ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจาก ณ สิ้นเดือน พ.ค. อย่างมีนัยสำคัญ โดย iERP ล่าสุด = 3.5% (-1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีตคือ 3.1%) iERP ล่าสุดจึงตีความได้ว่า อัตราผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยขณะนี้แม้จะไม่สูงมากนัก แต่ยังรับได้สำหรับการลงทุน ขณะที่ M-yield gap ล่าสุดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเทียบเดือน พ.ค. มาอยู่ที่ -0.45 จุด โดยค่า M-yield gap ที่ยังติดลบ สะท้อนว่า Valuation ของตลาดหุ้นไทยแพงกว่าตลาดพันธบัตรเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงขั้นแพงเกินไป

กำไร 2Q63 ที่อ่อนแอ ส่งผลให้ Trailing PE โอกาสพุ่งขึ้น แต่จะส่งผลต่อ CAPE เพียงเล็กน้อย

บริษัทจดทะเบียนไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลรายงานผลการดำเนินงาน 2Q63 ตั้งแต่ กลาง ก.ค. จนถึงช่วงกลาง ส.ค.และคาดว่าจะเป็นไตรมาสที่อ่อนแอที่สุดของปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 เต็มไตรมาส ซึ่งหากเป็นไปตามคาด Trailing PE (ซึ่งจะถูกคำนวณด้วยการนำ ราคาหุ้นปัจจุบันหารด้วยกำไรย้อนหลัง 4 ไตรมาส) มีโอกาสที่จะพุ่งขึ้นไปอีก ทำให้ความน่าสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทยลดลง หากพิจารณาในมุมนี้ อย่างไรก็ดีฝ่ายวิจัยฯประเมิน แนวโน้มเศรษฐกิจไทยและกำไรของของบริษัทจดทะเบียนจะฟื้นตัวเป็น V-shape ดังนั้น เราจึงประเมินว่า การนำ Trailing PE มาใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ในบทวิเครัห์นี้จึงขอนำเสนอ Cyclical Adjusted PE (CAPE) ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนระยะยาวมากกว่า Trailing PE และ Forward PE โดย CAPE จะคำนวณโดยการนำ ราคาหุ้นปัจจุบันที่ปรับปรุงด้วยเงินเฟ้ อ (Real price) หารด้วยกำไรเฉลี่ยย้อยหลัง 10 ปี (40 ไตรมาส) ที่ถูกปรับปรุงด้วยเงินเฟ้ อ (Real earnings) ทำให้ค่า CAPE ที่คำนวณออกมาจะไม่ถูกรบกวนด้วยผลการดำเนินงานที่ ขึ้น - ลง แรงเพียงบางไตรมาส หากกำหนดสมมติฐานให้ปัจจัยอื่นๆคงที่ คาด CAPE จะเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยหลังการรายงานผลการดำเนินงาน 2Q63 ล่าสุด CAPE = 16.5
เท่า ต่ำกว่า +1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีตที่ 19.8 เท่า นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาในมุมมอง Relative valuation ระหว่างตลาดหุ้น (CAPE) และตลาดพันธบัตร จะพบว่า Valuation ตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจลงทุน (ดูรูปที่ 3) ซึ่งประเด็นเรื่อง Relative valuation เราได้อธิบายไปในบทวิเคราะห์ Quantamental เดือน มิ.ย.

Price Momentum ยังไม่แรงเกินที่จะทำให้เกินฟองสบู่แตกเร็วๆ นี้

ตัวชี้วัดด้าน Valuation (iERP, M-yield gap และ CAPE) ล่าสุดชี้ว่าตลาดหุ้นไทยยังพอลงทุนได้ แต่การรีบาวด์ขึ้นมาแรงภายในระยะเวลาอันสั้นตั้งแต่เดือน มี.ค. ทำให้เกิดความกังวลเรื่องของโอกาสที่จะเกิดการพักฐานแรงๆ (ฟองสบู่แตก) ในบทวิเคราะห์ฉบับนี้เราจึงนำแนวคิดเรื่อง การเร่งตัวของ Momentum หรือ Acceleration momentum (ACC factor) ในบทความทางวิชาการของ Xiong J., and Ibbotson R. G., “Momentum, Acceleration,and Reversal, Journal of Investment Management, 2015 มาใช้ศึกษาในตลาดหุ้นไทย และพบว่าสามารถนำมาใช้พยากรณ์การลงทุนใน SET index สำหรับการลงทุนระยะสั้นได้ โดยทำการแยกช่วงเวลา 52 สัปดาห์ออกมาเป็น 2 ช่วง คือ 26 สัปดาห์แรก และ 26 สัปดาห์หลัง (R1,26 และ R27,52) หากอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของ 26 สัปดาห์ล่าสุดมากกว่า 26 สัปดาห์ก่อนหน้า แสดงว่า Momentum กำลังเร่งตัวขึ้นนั้นเอง จากการศึกษาข้อมูลในอดีตย้อนหลังพบว่า ACC factor มีความสัปพันธ์เป็นลบกับอัตราผลตอบแทนของ SET index ในอีก 4 สัปดาห์ถัดไป (ดูรูปที่ 4) ดังนั้น ค่า ACC factor ที่เป็นบวกมากๆ (แสดงว่าตลาดหุ้นในระยะเวลาใกล้ๆที่ผ่านมาร้อนแรงมาก) มีความเสี่ยงสูงที่ SET index จะปรับตัวลงในระยะเวลาถัดไปนั่นเอง (Overbought) ล่าสุด ACC factor -0.3% ชี้ว่าตลาดหุ้นไทยยังไม่ร้อนแรงเกินไป จนทำให้เกิดการพักฐานแรงๆ อย่างน้อยในเดือน ก.ค.

ยัง Sideway หากมีพักฐานเล็กๆน้อยๆ เป็นโอกาสสะสม

เราประเมินแนวรับ SET index 1300 จุด และ 1280 จุด / แนวต้าน 1380 จุด และ 1400 จุด ตามลำดับ หุ้นเด่น ได้แก่ i) เก็งกำไร เลือก SUSCO และ ILINK เนื่องจาก Require rate of return ที่น่าสนใจ ขณะที่ Momentum ของราคาเพิ่งอยู่ในจุดเริ่มต้นของขาขึ้น

ii) แนะนำ "ถือ" TOP* และ TMB* ต่อ โดยหากในเดือน ก.ค. ตลาดหุ้นมีการพักฐานบ้าง เป็นโอกาสสะสมต่อ