‘เลอโนโว’ดันสินค้าใหม่เจาะมิลเลนเนียล

“เลอโนโว” ชี้โควิดหนุนยอดขายโน้ตบุ๊คโต เดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่เจาะกลุ่มมิลเลนเนียล-เจนแซด ชูจุดต่างรองรับการทำงานแบบมัลติทาสก์ ตอบโจทย์การทำงาน-เรียนออนไลน์ผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอล

นายวรเทพ จักรวาลวิบูลย์ ผู้จัดการสายผลิตภัณฑ์เพื่อธุรกิจ บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า คนทำงานยุคปัจจุบันกว่า 60% คือ กลุ่มเจนแซดและมิลเลยเนียล ซึ่งคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีและการมัลติทาสกิ้งผ่านอุปกรณ์หลายเครื่อง

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจพบว่า การทำงานลักษณะนี้อาจไม่ก่อให้เกิดประสิทธิผลมากที่สุด เนื่องจากการใช้สมาธิที่ต้องสลับไปมาระหว่างงาน ทำให้เสียเวลาโดยเฉลี่ยถึง 2.1 ชั่วโมงต่อวัน

ผลการสำรวจความคิดเห็นธุรกิจขนาดกลางละขนาดย่อมหรือเอสเอ็มบีระบุด้วยว่า หนึ่งในปัญหาสำคัญซึ่งพบในการทำธุรกิจคือ การเพิ่มประสิทธิภาพของผู้ปฏิบัติงาน โดยหนึ่งในนั้นคือ ข้อความส่วนบุคคลที่แจ้งเตือนมาขัดจังหวะบนอุปกรณ์ที่ใช้ระหว่างการทำงาน และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง

159404829983

ดังนั้นเลอโนโวหวังเข้าไปช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว พร้อมๆ ไปกับนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์เทรนด์การทำงานสมัยใหม่ ปัจจุบันคนยุคมิลเลนเนียลมีสัดส่วน 35% ของคนทำงาน ขณะที่กลุ่มเจนแซดมีสัดส่วน 24% ของคนทำงาน

นอกจากนี้ ด้วยกลุ่มคนทำงานในภูมิภาคเอเชียต่างให้ความสนใจกับการนำอุปกรณ์สมัยใหม่มาปรับใช้เพื่อช่วยให้การทำงานสะดวกยิ่งขึ้น เลอโนโวจึงเชื่อว่าเทคโนโลยีที่ฉลาดขึ้น จะยิ่งช่วยส่งเสริมให้พนักงานสามารถโฟกัสกับงานได้ดีกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นงานประเภทใดก็ตาม

ล่าสุด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ธิงค์บุ๊คพลัส(ThinkBook Plus) แล็ปท็อปเพื่อธุรกิจยุคดิจิทัลซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจากแล็ปท็อปรุ่นก่อนหน้า มากับจอแสดงผลอี-อิงก์บนฝาจอ ช่วยยกระดับการทำงานแบบมัลติทาสกิ้งให้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นสำหรับทำงานร่วมกัน สามารถกำหนดการแจ้งเตือนเฉพาะเรื่องสำคัญบนหน้าจอเช่น การนัดหมาย ข้อความ หรืออีเมลสำคัญ ทั้งสามารถจดโน้ตได้ทุกเมื่อในทันทีด้วยปากกาที่ซิงค์กับไมโครซอฟท์วันโน้ต

นอกจากนี้ รองรับการประชุมทางไกล ตอบสนองได้ไว ผู้ใช้จะได้รับอีเมลและอัพเดต แม้ฝาจอเครื่องปิดอยู่ แนวคิดการออกแบบมาจากพฤติกรรมของผู้ใช้งาน รวมถึงมีการศึกษาวิธีการใช้งานของคนที่ทำงานในแบบมัลติทาสกิ้ง ด้านกลุ่มเป้าหมายหลักมุ่งเจาะมิลเลนเนียลและเจนแซดอายุอายุระหว่าง 25-40 ปี คาดหวังว่าผลตอบรับด้านยอดขายจะทำได้ดีกว่ารุ่นที่ผ่านๆ มา

พร้อมระบุว่า ตลาดรวมพีซีประเทศไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี สืบเนื่องมาจากวิกฤติโควิดที่ผลักดันให้เกิดการจับจ่ายเพื่อนำไปใช้สำหรับการเวิร์คฟรอมโฮมและเรียนออนไลน์

“โควิดทำให้สภาพตลาดไม่เหมือนเดิม ธุรกิจต่างต้องการเห็นผลลัพธ์ของการทำงานแบบมัลติทาสกิ้ง ผู้บริโภคต้องการเครื่องที่สามารถรองรับการทำงานที่หลากหลาย โจทย์ของเราคือต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด พร้อมรองรับการทำงานทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเทรนด์การเรียนและทำงานของคนยุคใหม่”