ประเดิมงานแรกเปิด 'ถนนคนเดินภูเก็ตหลาดใหญ่' เรียกความเชื่อมั่น นทท.

บรรยากาศบริเวณถนนถลาง หนึ่งในถนนสายหลักย่านการค้าเมืองเก่าภูเก็ต และเป็นหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของตัวเมืองภูเก็ต เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงคนภูเก็ต ซึ่งนิยมมาชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมตึกเก่าชิโนยูโรเปี่ยนและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยังคงเอกลักษณ์ย่านเศรษฐกิจดั้งเดิมของภูเก็ต กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรมเปิดตลาด “ถนนคนเดินภูเก็ตหลาดใหญ่” (Phuket Walking Street Lard Yai) ซึ่งจัดเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ โดยมีการจำหน่ายสินค้าทำมือ อาหารท้องถิ่น การแสดงผลงานศิลปะสร้างสรรค์ และนิทรรศการหมุนเวียน เพื่อถ่ายทอดวัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวิตของคนภูเก็ต แต่ต้องปิดไปเป็นเวลาร่วม 4 เดือน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายใต้รูปแบบท่องเที่ยววิถีใหม่ NEW NORMAL โดยได้รับเกียรติจากนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการเป็นประธานเปิดฯ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวคนไทยซึ่งเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว รวมถึงชาวต่างชาติที่ตกค้างอยู่ในภูเก็ต และคนภูเก็ต ออกมาเดินเที่ยวและซื้อสินค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นของรับประทานและของที่ระลึกกันเป็นจำนวนมาก

โดยการกลับมาเปิดตลาดใหม่ในครั้งนี้ ได้มีการจัดตั้งร้านค้าแบบเว้นระยะห่าง และขยายพื้นที่การจัดเพิ่มจากเดิมไปจนถึงบริเวณหน้าสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูเก็ต รวมระยะความยาวของถนนประมาณ 600 เมตร และมีพื้นที่จัดงานจากเดิม 3,500 ตารางเมตร เป็น 5,500 ตารางเมตร เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม นอกจากนี้ยังมีจุดคัดกรองเพื่อเข้าไปชมงาน จำนวน 6 จุด ทั้งตรวจวัดอุณหภูมิ เจลล้างมือ และแอพพลิเคชั่นไทยชนะ พร้อมเน้นย้ำให้สวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันในส่วนของการบูธขายอาหารได้มีการติดตั้งคิวอาร์โค้ดนำร่องเพื่อให้ข้อมูลส่วนผสมของอาหารแต่ละชนิด และคำนวณแคลอรี่ เพื่อสร้างความมั่นใจในการใส่ใจสุขภาพและปลอดภัย รวมถึงการจัดตู้ปกปิดอาหารจำนวน 60 ตู้ เพื่อลดการสัมผัสระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย และจะนำมาใช้ในทุกร้านต่อไป เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มาใช้บริการ

นายสมยศ ปาทาน รองประธานชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต กล่าวว่า การเปิดถนนใหม่ในครั้งนี้ได้มีการนำนวัตกรรมมาใช้มากขึ้น ทั้งการติดตั้งคิวอาร์โค้ดให้ข้อมูลด้านโภชนาการ การจัดให้มีตู้ปกปิดอาหาร ลดการสัมผัสระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย รวมถึงการลดใช้เงินสด เนื่องจากเราเป็นถนนคนเดินหรือ สตรีทฟู้ดต้นแบบของประเทศไทย 1 ใน 12 สตรีทฟู้ดของกรมอนามัย เดิมก่อนจะปิดถนนชั่วคราวจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเดินท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 20,000 คน และการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในรูปแบบการจัดการท่องเที่ยววิถีใหม่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งจากคนภูเก็ต นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังตกค้างอยู่ และกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางมาเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว คาดว่ารวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10,000 คน

ด้าน นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ว่า ขณะนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางเข้ามาบ้างแล้วแต่ยังมีจำนวนไม่มาก ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องมีการสร้างความเชื่อมั่นให้เพิ่มมากขึ้น เพราะหลายคนยังมีความกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อโควิด-19 แม้ว่าขณะนี้เราไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อมาเป็นเวลากว่า 40 วันแล้ว โดยขณะนี้เรามีที่พักซึ่งเปิดให้บริการแล้วประมาณ 20% ของโรงแรมที่มีอยู่ทั้งหมด เท่าที่ทราบข้อมูลจากสมาชิกของสมาคมฯ และสมาคมโรงแรมภาคใต้จะมีการเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 35% ในเดือนสิงหาคม จากนั้นจะเปิดอีกประมาณ 40% ในเดือนกันยายนนี้ และจะทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเดือนตุลาคม คาดว่าน่าจะเปิดเกือบเต็ม 100 % เพื่อรอดูนโยบายของทราเวิลบับเบิ้ลและการเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศ

“จากการพูดคุยกับ ททท. และสมาชิกสมาคมฯ พบว่า มีอยู่ 2 โจทย์หลัก คือ ทุกอย่างต้องกลับมาสู่ภาวะปกติ โดยจะต้องมีการเปิดร้านค้าและกิจกรรมต่างๆ ให้ปกติมากที่สุด และคนภูเก็ตจะต้องออกมาสร้างความมั่นใช้ให้กับคนต่างจังหวัดเห็นว่า เรามีการใช้ชีวิตปกติแล้ว และไม่มีการระบาดเกิดขึ้นแล้ว จากนั้นก็พยายามดึงคนไทยให้เข้ามาท่องเที่ยว เนื่องจากการเดินทางเข้ามาของคนต่างชาติยังมีเงื่อนไขอยู่พอสมควร ดังนั้นคนไทยจะเป็นส่วนช่วยให้ภูเก็ตเดินต่อไปได้ เพราะภูเก็ตมีเศรษฐกิจขาเดียว คือ การท่องเที่ยว ดังนั้นทำอย่างไรให้กิจกรรมต่างๆ กลับมาเหมือนเดิม และคนภูเก็ตออกมาทำกิจกรรมให้ได้มากที่สุดภายใต้ NEW NORMAL เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ และการเปิดถนนคนเดินภูเก็ต ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กหนึ่งของภูเก็ต จะก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการจะดึงผู้คนให้มาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น” นายภูมิกิตติ์ กล่าว